วันนี้ (29 ธันวาคม) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ชี้แจงกรณีที่ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคก้าวไกล โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุถึงปัญหาความปลอดภัยของสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต 2) ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว
โดยระบุว่า บขส. เป็นรัฐวิสาหกิจประเภทจดทะเบียนบริษัทตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นการบริหารงานเพื่อบริการประชาชนแบบไม่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณแผ่นดิน จากกรณีพื้นที่การให้บริการของสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต 2) มีความไม่เรียบร้อยถึง 14 ประการ ขอเรียนข้อเท็จจริง ดังนี้
- ข้อกล่าวหาต่อระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น บันไดเลื่อนเสีย ลิฟต์ไม่ได้ให้บริการ ห้องปฐมพยาบาลปิด ห้องให้นมบุตรปิด จุดดับเพลิงเสีย และชานชาลาไม่มีห้องแอร์
บริษัทฯ ได้ดำเนินการบริหารงานสถานีขนส่งหมอชิต 2 ที่ได้เช่าที่จากการรถไฟมาถึงขณะนี้เป็นเวลา 26 ปีให้เกิดความเรียบร้อยและปลอดภัยต่อผู้โดยสาร ถึงแม้ว่าอาคารรับรองผู้โดยสารและชานชาลาจะมีอายุ และได้ปรับปรุงให้เกิดความปลอดภัยมาโดยตลอดโดยงบประมาณของบริษัทฯ
ในปัจจุบันบริษัทฯ จำเป็นต้องปิดบันไดเลื่อนชุดที่ติดตั้งมา 26 ปี เนื่องจากไม่สามารถหาอะไหล่ได้ และถึงแม้จะเปิดได้ในช่วงเทศกาลก็จะปิดเพราะอาจเป็นอันตรายต่อประชาชน หากมีเหตุคนล้นอาคารชานชาลาในช่วงเทศกาล ส่วนลิฟต์และระบบสาธารณูปโภค เช่น จุดดับเพลิง แอร์คอนดิชัน ที่อาคารผู้โดยสารนั้น ขอยืนยันว่าใช้งานได้ทุกจุด ส่วนห้องปฐมพยาบาลบริษัทเปิดให้บริการตลอด ห้องให้นมบุตร โดยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ประจำห้อง เนื่องจากหากเปิดไว้ตลอดอาจเป็นจุดลับตาในการก่อให้เกิดเหตุอาชญากรรมได้
สำหรับในส่วนพื้นที่ทิ้งร้างนั้นเป็นพื้นที่เพื่ออยู่การพาณิชย์ ซึ่งอยู่นอกอาคาร และเป็นส่วนการให้บริการ เดิมเป็นจุดเชื่อมต่อกับเขตเดินรถที่ 8 ของ ขสมก. แต่ในช่วงปี 2563-2566 ไม่มีผู้เช่า บริษัทฯ จึงปิดพื้นที่เพื่อเตรียมการพัฒนา โดยรื้อสิ่งปลูกสร้างออกทั้งหมด และพัฒนาเป็น Transpotation Hub ตามนโยบายของรัฐบาลให้เกิดการเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำผังและแบบการพัฒนาให้แล้วเสร็จใน 1 ปี
- ข้อกล่าวหาในเชิงบริการ การเชื่อมต่อผู้โดยสาร บริษัทฯ ขอเรียนยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาการให้บริการที่ผ่านมา ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่หมอชิต 2 ได้โดยระบบรถโดยสารสาธารณะได้หลายสาย และในช่วงตั้งแต่รัฐบาลได้เข้ามาบริหารประเทศได้มีนโยบายในการเชื่อมต่อและบูรณาการระบบการขนส่ง บริษัทฯ จึงได้ประสานงานกับทางการรถไฟแห่งประเทศไทยในการส่งผู้โดยสารขาเข้าโดยมีจุดแวะส่งที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งในปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการในวันที่ 15 ธันวาคม 2566 มีประชาชนใช้บริการการเชื่อมต่อในปัจจุบันเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ประสานงานกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ในการจัดให้มีรถของ ขสมก. เข้ามาจอดในบริเวณชานชาลาภายในบริเวณสถานีจำนวน 12 สาย ซึ่งได้เริ่มทดลองให้บริการตลอดเดือนธันวาคม 2566 มีประชาชนใช้บริการมากถึง 77,000 ราย และจะเพิ่มจำนวนสายเพิ่มขึ้นในเส้นทางที่ประชาชนเดินทาง
สำหรับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล วินแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์เถื่อน ทางบริษัทฯ ได้ดำเนินการโดยมีหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการดำเนินการจับกุมผู้บุกรุกและผู้กระทำผิดกฎหมายในทุกวัน อย่างไรก็ดี บริษัทฯ จะจัดการขั้นเด็ดขาดต่อผู้กระทำความผิด ผู้บุกรุก และดำเนินคดีอาญาอย่างเข้มงวดในทุกรายต่อไป
บริษัทฯ ขอเรียนว่า รัฐบาลและกระทรวงคมนาคมได้มีความห่วงใยต่อบริษัทฯ ที่ประสบปัญหาการขาดทุนในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเดินทางในระบบรถขนส่งสาธารณะระหว่างเมืองได้รับความนิยมลดลง ตลอดจนประสบปัญหาสถานการณ์โรคระบาด จนทำให้ประสบปัญหาการขาดทุนถึง 3 ปีซ้อน
อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาการให้บริการในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถฟื้นฟูสถานะทางการเงินไปสู่สถานะที่ดีขึ้น โดยการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายสูงขึ้นมากกว่าปี 2565 ถึงประมาณ 1,000 ล้านบาท
แต่ในปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่มีหนี้สินและพร้อมที่จะพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอาคาร ชานชาลา และสิ่งอำนวยความสะดวก ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการโดยเร็วที่สุด และขอน้อมรับข้อติชมจากทุกฝ่าย เพื่อนำมาปรับปรุงคุณภาพการให้บริการให้อยู่ในระดับเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่ายต่อไป
