สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลังและสภาธุรกิจตลาดทุนไทยเห็นชอบร่วมกันในการจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) หรือ TESG เพื่อสนับสนุนการออมระยะยาว และมีเป้าหมายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ที่เป็น ESG รวมทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของหอการค้าไทยที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับโลก
“หอการค้าไทยขอสนับสนุนให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ Supply Chain ตลอดจน SMEs เร่งปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดรับกับ ESG เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่ไปพร้อมกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ขณะเดียวกัน ประชาชนยังได้รับประโยชน์จากการลงทุนในกองทุน TESG เพื่อรับการลดหย่อนภาษี ที่จะขยายวงเงินเพิ่มผ่านกองทุน TESG อีก 100,000 บาท จากสิทธิการลดหย่อนภาษีในกองทุนปัจจุบัน”
เช่น กองทุน SSF, กองทุน RMF, กองทุน LTF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุน กบข., กองทุนการออมแห่งชาติ รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท รวมเป็น 600,000 บาท ซึ่งทราบว่าจะเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทุนได้ในเดือนธันวาคม 2566 และลดหย่อนภาษีได้ในเดือนมีนาคม 2567 โดยมีการประมาณการว่ากองทุน TESG จะกระตุ้นให้มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ หอการค้าไทยขอบคุณรัฐบาล กระทรวงการคลัง และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) หรือ TESG ขึ้น ซึ่งหอการค้าฯ เชื่อว่ากองทุนนี้จะกระตุ้นให้ภาคธุรกิจเกิดความสนใจที่จะปรับตัวเข้าสู่ ESG เพิ่มมากยิ่งขึ้น และช่วยยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจให้ตระหนักถึงทรัพยากร สิ่งแวดล้อม และสังคม ตามกฎกติกาการค้าโลกด้านสิ่งแวดล้อม (CBAM) เพื่อเพิ่มโอกาสและขีดความสามารถทางการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย รวมทั้งเป็นการส่งเสริมวินัยทางการเงินให้ประชาชนมีเงินออมระยะยาวมากยิ่งขึ้นด้วย