กกร. ปรับลดตัวเลขส่งออกเหลือ -2 ถึง -1.0% หลังสงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส สะเทือนเศรษฐกิจโลก ชี้หากรุนแรงขึ้นดันน้ำมันแตะ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ยังคงกรอบ GDP ปี 2566 โต 2.5-3% พร้อมหนุนรัฐบาลเร่งคลอดเงินดิจิทัล 10,000 บาทผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เหตุประชาชนคุ้นชิน ขอแค่โฟกัสตรงกลุ่ม หวังเริ่มได้ภายในเมษายน
สนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร. ประจำเดือนพฤศจิกายน 2566 ประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2566 ให้คงกรอบประมาณการการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เติบโตที่ 2.5-3% และคงอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.7-2.2%
ขณะเดียวกัน เนื่องจากกำลังซื้อของครัวเรือนไทยเริ่มแผ่วลง และนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มอยู่ที่ 28-29 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าประมาณการเดิมที่ 29-30 ล้านคน รวมถึงเหตุการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก อาจกระทบต่อการส่งออกในระยะข้างหน้า กกร. จึงปรับลดตัวเลขการส่งออกไว้ที่ -2 ถึง -1.0%
“เราคาดหวังว่ามาตรการยกเว้นการขอวีซ่านักท่องเที่ยวให้กับอินเดียและไต้หวันในช่วงไฮซีซันนี้ รวมทั้งแรงหนุนจากมาตรการของรัฐจะช่วยประคองเศรษฐกิจที่เหลือของปี”
ห่วงค่าเงินและราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ กกร. กังวลค่าเงินบาทที่อยู่ในทิศทางอ่อนค่า แม้ว่าสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ แต่เป็นปัจจัยดันให้ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลจากความเสี่ยงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้น หากสงครามรุนแรงขึ้นคาดว่าจะแตะระดับ 140-150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
“ดังนั้นเศรษฐกิจระยะข้างหน้ายังมีปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน จึงเห็นด้วยกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลจะช่วยประคับประคองกำลังซื้อในประเทศ แต่ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ใช้ระบบเดิมที่เสถียร ปลอดภัย ประชาชนคุ้นชิน เน้นต่อยอดไม่ลงทุนซ้ำซ้อนผ่านแอปเป๋าตัง และส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อประโยชน์โดยรวม”
ทั้งนี้ รัฐบาลควรจะเริ่มดำเนินการได้ภายในช่วงสงกรานต์ เพราะหากนานถึงเดือนกันยายนอาจช้าเกินไป เพราะเศรษฐกิจไทยต้องการการกระตุ้นอย่างแรง ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ กกร. เห็นว่าผู้ประกอบการยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว จึงควรพิจารณาให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจแต่ละพื้นที่ผ่านกลไกคณะกรรมการไตรภาคีของแต่ละจังหวัดเป็นหลัก
หนุนใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านแอปเป๋าตัง
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร. สนับสนุนรัฐบาลเดินหน้าเงินดิจิทัล 10,000 บาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
“แต่ในรายละเอียด โดยเฉพาะวงเงินที่จะได้มา คงเป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะต้องทำความเข้าใจ โดยเห็นด้วยที่จะเร่งออกมาในช่วงต้นปี และเริ่มใช้ได้ในเดือนเมษายน ส่วนแนวทางอยากให้ใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง นอกจากจะลดต้นทุนแล้วยังจะสามารถทำได้รวดเร็วเพราะมีแพลตฟอร์มเดิมรองรับอยู่แล้ว”
ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า นโยบายดิจิทัล 10,000 บาทต้องเดินหน้าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อความยั่งยืน