×

สมาคมโรงพยาบาลเอกชน เร่งสำรวจความต้องการ ‘วัคซีนทางเลือก’ เพิ่ม เตรียมสั่งล็อตใหม่รองรับโควิดกลายพันธุ์

14.07.2021
  • LOADING...
บางกอก เชน ฮอสปิทอล

นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ผู้บริหารกลุ่มเครือโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ในฐานะนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า สมาคมอยู่ระหว่างประสานงานกับโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่ง เพื่อสำรวจความต้องการของประชาชนหรือลูกค้าของแต่ละโรงพยาบาลเองว่ายังมีความต้องการวัคซีนทางเลือก Moderna อีกเท่าไร เพื่อที่สมาคมจะประสานงานกับหน่วยงานทางการเพื่อจองซื้อเพิ่มเติม

 

สำหรับวัคซีนล็อตใหม่ที่จะจองซื้อ จะเป็นวัคซีคสูตรใหม่ที่สามารถรองรับการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์อัลฟา เบตา และเดลตา โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการสำรวจราว 10 วัน 

 

นพ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ในส่วนของวัคซีน Moderna ล็อตแรกที่กลุ่มโรงพยาบาลจองซื้อไปก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มด้มาทั้งหมด 1 ล้านโดส ซึ่งยอมรับว่าไม่เพียงพอกับจำนวนที่ลูกค้าจองเข้ามา ทำให้กลุ่มโรงพยาบาลต้องปิดรับจองไปเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา 

 

“ล็อตแรกที่เราเปิดให้จอง เงินที่ประชาชนจองเข้ามา เราจะเอาไปจ่ายให้องค์การเภสัชกรรม ซึ่งถือเป็นตัวแทนของรัฐบาลที่จะไปจ่ายต่อให้กับ ซิลลิค ฟาร์มา เจ้าของวัคซีน Moderna จากนั้นวัคซีนจะมีการทยอยส่งมา กว่าจะมาถึงไทยคงเดือนตุลาคม เราจะเริ่มฉีดให้เลย กว่าจะฉีดครบคงเดือนมกราคมปีหน้า แต่เราบอกลูกค้าว่าอาจจะดีเลย์ได้ถึงเดือนมีนาคม”

 

ทั้งนี้ วัคซีนทางเลือก  Moderna ทางองค์การเภสัชกรรมจะขายให้กับโรงพยาบาลเอกชนในราคาเข็มละ 1,100 บาท เมื่อรวมกับค่าบริการต่างๆ แล้ว ราคาวัคซีนต่อเข็มที่โรงพยาบาลเอกชนให้บริการฉีดจะอยู่ที่ 1,650 บาท

 

“เราสำรวจความต้องการของฐานลูกค้ามาแล้วในรอบก่อน พบว่ามีความต้องการเข้ามามากถึง 5 ล้านราย แต่รอบนั้นเราได้มาเพียง 1 ล้านโดส ดังนั้นถ้าเราสั่งล็อตใหม่เข้ามาก็เชื่อว่าลูกค้ายังมีความต้องการสูงอยู่”

 

ส่วนประเด็นเรื่องการตรวจหาเชื้อโควิดนั้น ปัจจุบันกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ยังเปิดให้บริการรับตรวจหาเชื้ออยู่ รวมทั้งยังรับดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเข้าเป็นผู้ป่วยในด้วย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของสำนักงานหลักประกันแห่งชาติ (สปสช.) 

 

โดยในไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมามีจำนวนการตรวจ 1.28 แสนราย และเพิ่มเป็น 5.8 แสนรายในช่วงไตรมาส 2 ขณะที่ไตรมาส 3 นี้คาดว่าการตรวจจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเป็น 7.5-9 แสนราย เพราะปัจจุบันการติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในระดับชุมชน เป็นการใกล้ชิด สัมผัส และรับเชื้อจากคนในครอบครัว 

 

สำหรับกรณีที่ภาครัฐเปิดให้ประชาชนสามารถสามารถตรวจหาเชื้อได้เอง (Rapid Test) เชื่อว่าจะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะจะทำให้สามารถแยกผู้ติดเชื้ออกมาได้เร็ว ป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม

 

“นโยบายจากนี้เมื่อให้ประชาชนทำ Rapid Test ได้ ตัวเลขการติดเชื้อน่าจะสูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี จะได้มีความชัดเจนและแยกผู้ติดเชื้อออกมาได้ ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นลักษณะ Home Isoration ให้หมอที่อยู่ในคลินิกใกล้บ้านให้คำปรึกษา แต่ในบางครอบครัวไม่สามารถทำได้ อาจจะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสนาม หรือถ้ามีการประสานงานส่งต่อมาที่เรา เราก็พร้อม เพราะเรายังมีเตียงที่จะรองรับได้อีกมาก”

 

นพ.เฉลิม กล่าวว่า สิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา BCH มีโรงพยาบาลที่ให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดภายใต้การบริหารรวม 14 แห่ง แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล รองรับคนไข้เงินสดระดับบนและคนไข้ต่างชาติ 2. กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รองรับคนไข้เงินสดระดับกลาง-บน 3. กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รองรับคนไข้เงินสดระดับกลาง และคนไข้โครงการประกันสังคม 4. กลุ่มโรงพยาบาลการุญเวช รองรับคนไข้กลุ่มโครงการประกันสังคม และมี 1 โพลีคลินิก โดยในวันที่ 19 สิงหาคม 2564 BCH จะมีการเปิดให้บริหารโรงพยาบาลแห่งใหม่ คือ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เวียงจันทน์

 

นอกจากนี้ BCH ยังจับมือกับผู้ประกอบการโรงแรมจำนวน 27 แห่ง มีจำนวนเตียง ราว 9,500 เตียงเพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลสนามภาคเอกชน หรือ Hospitel เพื่อใช้รองรับการกักตัวผู้ป่วยติดเชื้อโควิดด้วย

 

สำหรับทิศทางของกลุ่ม BCH ในอนาคต นพ.เฉลิม ระบุว่า จะเน้นการเติบโตใน 2 ลักษณะคือ การเติบโตด้วยตัวเอง โดยปัจจุบันมีที่ดินหลายแปลงในพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น ชลบุรี และจังหวัดอื่นๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาได้ รวมถึงจะหันมามองหาการซื้อกิจการมากขึ้น โดยยังมุ่งการให้บริการในลักษณะโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในพื้นที่มากกว่า 10 ไร่ เพราะถือเป็นธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการ 

 

“โรงพยาบาลที่เราเปิดมามีกำไรทุกแห่ง แม้แต่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ปราจีนบุรี ที่เพิ่งเปิดเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ผมถือว่าปีนี้เป็นปีมหัศจรรย์ของเรา เราน่าจะทำนิวไฮในทุกๆ ด้าน ทะลุทุกเป้าหมายที่เราตั้งไว้ และดีที่สุดนับจากวันที่เราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2547”

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising