วันนี้ (17 พฤษภาคม) อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงกรณีการติดโควิด-19 ที่ระบาดในเรือนจำหลายแห่งทั่วประเทศ 9 แห่ง มีผู้ต้องขังติดเชื้อรวมกว่า 9,783 คน คาดว่าในวันนี้ผู้ติดเชื้อในเรือนจำทั้ง 9 แห่ง จะมีผู้ติดเชื้อเกินหมื่นคน แต่จนถึงขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการประกาศมาตรการพิเศษเป็นการเฉพาะในการป้องกันการระบาดไม่ให้ลุกลามในพื้นที่เรือนจำได้
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เรือนจำหลายแห่งไม่เปิดให้ญาติหรือบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังตามขั้นตอนปกติ โดยปรับมาใช้วิดีโอคอลมาระยะหนึ่งแล้ว หรือหากมีผู้ต้องขังรายใหม่เข้าเรือนจำจะต้องกักตัว 14 วัน จึงขอตั้งคำถามว่าการระบาดในคลัสเตอร์เรือนจำ รัฐเป็นฝ่ายการ์ดตกอีกครั้งหรือไม่ ดังนั้นเพื่อลดการระบาดในเรือนจำ
1. ควรแยกกลุ่มนักโทษผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย ติดกำไล EM แล้วปล่อยตัวชั่วคราวโดยยังคงทัณฑ์บน ซึ่งเป็นวิธีการที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ออสเตรเลียใช้เมื่อปีที่ผ่านมา
2. สร้างโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ต้องขังในพื้นที่ทหารที่มีการดูแลเข้มงวด
3. ชดเชยความเสียหายอย่างเท่าเทียมหากมีผู้ต้องขังเสียชีวิตจากการติดโควิด-19 ในเรือนจำ
โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้การระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นพร้อมกันและในเวลาใกล้เคียงกันจนกลายเป็นคลัสเตอร์ดาวกระจาย แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยปละละเลย ไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ทันท่วงทีกับเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่เข้ามา ดังนั้นรัฐต้องเปลี่ยนวิธีคิด จัดสรรวัคซีนให้เพียงพอและเท่าทันต่อสถานการณ์การระบาด หากสถานการณ์การระบาดยังรุนแรงภายใต้การบริหารจัดการที่ล้มเหลวแบบนี้มีโอกาสที่หลายพื้นที่จะกลายเป็นเมืองร้าง และไทยอาจกลายเป็นประเทศที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าที่สุดในโลก
“รัฐต้องเปลี่ยนวิธีบริหาร ศบค. ต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหา และประเทศต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เราจึงจะแก้ปัญหาโรคระบาดได้” อรุณีกล่าว
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ