“ตอนอายุ 16 หมิวเกิดมาจากละคร ปริศนา ของพี่ไก่ (วรายุฑ มิลินทจินดา) เลยนะ”
.
“หมิวชอบละครที่ตัวเองเล่นทุกเรื่อง แต่ที่ชอบมากเป็นพิเศษคือเรื่อง ปริศนา เพราะเป็นเรื่องแรก ตอนนั้นเราธรรมชาติมาก เพราะแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับงานแสดง บางทีการที่เราได้แสดงอะไรไปมากๆ เข้า มันก็ทำให้เราเสียความเป็นธรรมชาติไปเหมือนกัน”
.
หมิว-ลลิตา ปัญโญภาส เคยเล่าถึงช่วงเวลาสำคัญในชีวิตนักแสดง เมื่อ ‘ปริศนา’ ผลงานละครเรื่องแรกในฐานะนางเอกกลายเป็นละครฮิตที่มีผู้ชมติดตามทั่วประเทศ ซึ่งผลจากความสำเร็จในครั้งนั้น ได้แจ้งเกิดนางเอกสาววัย 16 อดีตนักแสดงเด็กทายาทของนักแสดงหญิง จารุวรรณ ปัญโญภาส ให้กลายเป็นนางเอกยอดนิยม ที่มีผลงานการแสดงชั้นดีอีกมากมาย อาทิ วนาลี (2533), วนิดา (2534), ในฝัน (2535), ยามเมื่อลมพัดหวน (2536), ตุ๊กตาเริงระบำ (2537), ปราสาทมืด (2537), พริกขี้หนูกับหมูแฮม (2538), ทรายสีเพลิง (2539) ฯลฯ
เรื่องราวแห่งความสำเร็จที่ไม่ต่างจากตำนานนี้ เริ่มต้นขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 22 สิงหาคม 2530 มันเป็นค่ำคืนการออกอากาศตอนแรกของละคร ‘ปริศนา’ สร้างขึ้นจากนวนิยายของ ว. ณ ประมวญมารค โดยเป็นหนึ่งในผลงานนวนิยายไตรภาคชุด ปริศนา, เจ้าสาวของอานนท์ และรัตนาวดี ซึ่งต่อมาทั้งสามเรื่อง ล้วนแล้วแต่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ที่ประสบความสำเร็จแบบฮิตถล่มแทบทุกครั้ง
เนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวความรักโรแมนติกต่างวัย ต่างสถานะทางสังคม ระหว่าง ปริศนา สุทธากุล (ลลิตา ปัญโญภาส) สาวสวย นักเรียนนอก ฉลาด กล้าคิดกล้าพูด แต่งตัวทันสมัย ผิดจากหญิงไทย (ในยุคสมัยปลายรัชกาลที่ 8 จนถึงต้นรัชกาลที่ 9)
ปริศนาต้องเดินทางกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทยหลังจากการเสียชีวิตของผู้เป็นพ่อ และนั่นทำให้สถานการณ์ทางการเงินของครอบครัวไม่สู้ดีนัก ปริศนาทำงานเป็นคุณครูอยู่ที่โรงเรียนของหม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดี น้องสาวของหม่อมเจ้าพจน์ ปรีชา (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) และจากจุดนั้นเอง ที่ทำให้เรื่องราวรักอลเวงต่างวัยในสังคมชนชั้นนำของไทยได้เริ่มต้นขึ้น
บทประพันธ์เรื่อง ปริศนา ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ และละครเวทีทั้งหมด 5 ครั้ง แต่ครั้งที่ถือว่าประสบความสำเร็จและถูกจดจำมากที่สุดคือครั้งที่ 2 สร้างโดยผู้จัดละคร ไก่-วรายุฑ มิลินทจินดา กำกับการแสดงโดย อดุลย์ ดุลยรัตน์ และนำแสดงโดย ฉัตรชัย เปล่งพานิช ในบทบาท ‘หม่อมเจ้าพจน์ ปรีชา’ และ ลลิตา ปัญโญภาส ในบทบาท ‘ปริศนา’ ออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 22 สิงหาคม 2530 ออกอากาศทางช่อง 3 ทุกวันศุกร์, เสาร์ และอาทิตย์ ในเวลา 20.30 น.
ไก่-วรายุฑ มิลินทจินดา ยอดผู้จัดละครแนวพีเรียดเคยพูดถึงตัวละคร ‘ปริศนา’ ซึ่งเป็นผลงานเรื่องที่ 4 ในฐานะผู้จัดละครของตัวเองไว้ว่า
“เราซื้อบทประพันธ์นี้เอาไว้ตั้งนานแล้ว แล้วก็รอว่าเมื่อไรลลิตาจะโตเป็นสาวเสียที จำได้ว่าตอนนั้นคนฮือฮามาก เพราะฉัตรชัยที่ตอนนั้นกำลังดังจาก ตี๋ใหญ่ (2528) จะมารับบทนำเป็นท่านชายพจน์ ปรีชา ตอนนั้นนกเขาก็ถามว่า ‘พี่ ผมจะทำได้เหรอ’ เราบอกว่าทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ เธอต้องทำได้ แล้วเขาก็ทำได้ ส่วนหมิวเองเขาก็เป็นปริศนาที่ยังอยู่ในหัวใจคนไทยจนถึงทุกวันนี้”
ความสำเร็จของ ปริศนา นั้นไม่ได้สร้างชื่อเสียงให้เพียงแค่นางเอกสาว แต่ละคร ปริศนา สำหรับฉัตรชัย ยังถือเป็นผลงานพลิกบทบาทของเขาไปแบบสุดขั้ว หลังจากตนเองเพิ่งโด่งดังจากละครที่สร้างจากเรื่องจริงของตำนานขุนโจรจอมขมังเวทย์อย่าง ตี๋ใหญ่
“ผมเข้าวงการมาแล้วสัก 4-5 ปี ก่อนจะได้เล่นละคร ตี๋ใหญ่ (2528) มันเป็นความโชคดีที่ได้เล่นบทที่เข้ากับคาแรกเตอร์ของตัวเองแล้วก็สร้างชื่อเสียงให้มากๆ กระทั่งผ่านไปอีก 3 ปี ผมได้เล่นละครเรื่อง ปริศนา (2530) เป็นท่านชายพจน์ ซึ่งบทมันแตกต่างกันมาก
“ตอนแรกเราไม่มั่นใจ เพราะตอนเล่นตี๋ใหญ่ เราไปรีเสิร์ชข้อมูลความเป็นตี๋ใหญ่ ไปหาเสื้อผ้า รองเท้า แว่นตา เอามาใส่จนตัวเราเป็นตี๋ใหญ่ที่สมจริงได้ แต่พอถึงเวลาต้องมารับบทเป็นท่านชายพจน์ ผมเอาหนังสือมาอ่านอยู่ 2-3 รอบ รู้สึกว่ามันกลับขั้วและไกลจากตัวเรามาก
“แต่พอละครออนแอร์ กลายเป็นว่าเรามีแฟนอยู่สองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือสิงห์รถสิบล้อ กับอีกกลุ่มคือสาวๆ” ฉัตรชัย เปล่งพานิช หัวเราะเสียงดังให้กับบทบาทชีวิตนักแสดงที่พลิกผันของตัวเอง หลังจากมันผ่านกาลเวลานั้นมานานกว่า 20 ปี
มากไปกว่านั้น หลังจากประสบความสำเร็จของละคร ปริศนา ผู้จัดละคร ไก่-วรายุฑ มิลินทจินดา ยังได้นำไตรภาคนวนิยายของ ว. ณ ประมวญมารค อีกสองเรื่องมาสร้างเป็นละครเพื่อออกอากาศต่อเนื่อง เริ่มต้นจาก ปริศนา (2530), เจ้าสาวของอานนท์ (2531) และรัตนาวดี (2532) สำคัญที่สุดคือทีมสร้างยังคงใช้ผู้กำกับ ผู้เขียนบท รวมถึงนักแสดงชุดเดิมจาก ปริศนา แทบทั้งหมด ซึ่งทั้งสามเรื่องล้วนแล้วแต่ได้รับกระแสนิยมไม่แพ้กัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
