วันนี้ (17 เมษายน) ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) เมื่อเวลา 11.20 น. พล.ต.ต. ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ดูแลงานกฎหมายและคดี และ พ.ต.อ. ทินกร สมวันดี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (รอง ผบก.น.5) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ควบคุมตัว ปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล 2 คดี และข่มขืนกระทำชำเรา 1 คดี รวม 3 คดี ส่งศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อฝากขัง หลังศาลไต่สวนอนุญาตฝากขังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่สถานีตำรวจ
ศาลพิจารณาแล้วอนุมัติให้ฝากขัง 12 วัน ซึ่งพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องยื่นคัดค้านการประกันตัว แต่ผู้ต้องหาร้องขอต่อศาลว่าจะขอประกันตัว จึงต้องนำตัวไปที่ศาล
พล.ต.ต. ไตรรงค์ ระบุถึงเหตุผลที่ยื่นคัดค้านการประกันตัว เพราะว่าปริญญ์เป็นผู้ต้องหาในหลายคดี และผู้ต้องหาเคยพักอาศัยอยู่ในต่างประเทศเป็นเวลานาน อาจจะมีการเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และอาจจะเดินทางไปยังต่างประเทศ ส่วนนี้ตำรวจร้องขอต่อศาลด้วยว่า หากศาลอนุญาตให้ประกันตัว ขอให้กำหนดเงื่อนไขห้ามไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศ
ส่วนการให้ปากคำของปริญญ์ พล.ต.ต. ไตรรงค์ระบุว่า ปฏิเสธทั้งหมดนี้ ส่วนการทำงานของตำรวจขณะนี้อยู่ในชั้นรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล ยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีความหนักใจในการทำคดีว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และได้รับข้อสั่งการจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ทำคดีอย่างตรงไปตรงมา และเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกคดี ประชาชนที่ติดตามคดีก็จะเห็นว่าในคดีนี้ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา รวดเร็วในการรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับ
ในกรณีที่ผู้ต้องหาเข้ามาพบพนักงานสอบสวนก่อนออกหมายจับ จึงนำตัวมายื่นคำร้องต่อศาลขอฝากขังในวันนี้ และเมื่อพิจารณาแล้วว่ามีเหตุให้คัดค้านการประกันตัว จึงยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัว เพราะฉะนั้นไม่มีความหนักใจ ดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และเปิดโอกาสให้ทั้งผู้กล่าวหาและผู้ต้องหาในการที่จะให้การหรือนำพยานหลักฐานเข้าสู่กระบวนการ
ส่วนกรณีที่ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ตอนนี้อดีตรองหัวหน้า กำลังมีความพยายามเสนอเงินจำนวนมากให้เหยื่อเพื่อจบคดี และให้อยู่อย่างเงียบๆ ห้ามให้สัมภาษณ์” ปริญญ์ไม่ได้ตอบประเด็นนี้ ตอบเพียงว่า “วันนี้มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม”
พล.ต.ต. ไตรรงค์ระบุว่า ในส่วนคนที่ยังไม่มาแจ้งตนเองก็ให้ความเห็นอะไรไม่ได้ แต่ส่วนที่แจ้งความแล้วพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาหมดแล้ว รวมทั้งพยานที่เกี่ยวข้องยังไม่เห็นว่าจะมีปัญหาในคำให้การที่สอบไว้ รวมถึงการสืบสวนหาพยานวัตถุและพยานบุคคลเพิ่มเติมตามคำให้การของผู้กล่าวหาไว้แล้ว ยังไม่เห็นว่ามีอะไรที่น่ากังวล
ส่วนความกังวลใจในเรื่องอายุความของคดีต้องดูเป็นกรณีไป แต่คดีของสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีทั้งสามคดีนี้อายุความยังไม่หมด
เมื่อถามว่าในคดีเกี่ยวกับการข่มขืนจะสามารถดำเนินการเอาผิดได้จริงหรือไม่ พล.ต.ต. ไตรรงค์ระบุว่า ตำรวจทำตามอำนาจหน้าที่เพื่อพิสูจน์การกระทำผิดของผู้ถูกกล่าวหา และยังบอกไม่ได้ว่าได้พยานหลักฐานอะไรมาบ้าง