Prey คือภาพยนตร์ภาคแยกของแฟรนไชส์ Predator ผลงานการกำกับของ Dan Trachtenberg ที่เคยมอบความสยองขวัญให้กับผู้ชมได้ตราตรึงใจมาแล้วกับภาพยนตร์เรื่อง 10 Cloverfield Lane ในปี 2016 โดยการกลับมาในคราวนี้ของแฟรนไชส์เผ่าพันธุ์นักล่าจะบอกเล่าเรื่องราวด้วยการพาคนดูย้อนไปยังปี 1719 ในยุคที่สหรัฐอเมริกายังคงเป็นโลกของเหล่านักล่าอาณานิคมอยู่ ซึ่งเนื้อหาจะโฟกัสไปที่ตัวเอกของเรื่องอย่าง นารู หญิงสาวผู้เป็นนักล่าในชนเผ่าโคแมนชีที่ต้องการจะพิสูจน์ตัวเองในฐานะนักล่าของชนเผ่า
จนวันหนึ่งเธอก็ได้พบเข้ากับรอยเท้าประหลาดภายในป่า ขณะที่ออกเดินทางตามหาสมาชิกชนเผ่าคนหนึ่งที่โดนสิงโตลากหายไปกลางป่า แต่แล้วนารูก็ค้นพบว่าแท้จริงแล้วไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอเท่านั้นที่ออกล่าในครั้งนี้ เพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวและไม่รู้จักกำลังหลบซ่อนอยู่ในเงามืดของป่าเพื่อออกล่าอยู่เช่นกัน และแล้วเรื่องราวการเดินทางระหว่างนักล่าและผู้ถูกล่าก็ได้เริ่มต้นขึ้น
หลังจากเถลไถลออกนอกลู่นอกทางมาเป็นเวลานาน ในที่สุดแฟรนไชส์นักล่าอันเลื่องชื่อแห่งยุค 80 อย่าง Predator ก็ถึงเวลากลับเข้าร่องเข้ารอยกับเขาเสียที หลังจากที่หลงทางจนกลายเป็นอะไรที่ดูจะห่างไกลจากตัวตนและรากเหง้าเดิมของตัวเอง
ต้องยอมรับว่าความโดดเด่นที่สุดของ Prey คือการนำหัวใจและแก่นแท้ของภาพยนตร์แฟรนไชส์ Predator อย่าง ‘การเอาชีวิตรอดจากนักล่าปริศนา’ กลับมาอีกครั้งได้อย่างเหมาะสมและคู่ควรแก่การรอคอย หลังจากที่ภาคต่อต่างๆ ของแฟรนไชส์นั้นไม่ได้ให้ความสำคัญหรือเป็นจุดโฟกัสอีกต่อไป
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับพาเราและคนดูย้อนกลับไปยังกลิ่นอายที่ห่างหายไปนานได้อย่างมีชั้นเชิง สนุก และลุ้นระทึกอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งการเลือกเซ็ตติ้งของภาพยนตร์ให้อยู่ในยุคล่าอาณานิคม โดยมีชนเผ่าและคนขาว (ชาวยุโรป) อยู่ในนั้น ก็เป็นการเล่าเรื่องที่เปิดมิติใหม่ของแฟรนไชส์นี้ให้กว้างมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
ทำให้เรื่องราวของ Prey นั้นสามารถเข้าถึงคนดูได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องราวของนารู หรือนักล่าผู้เป็นตัวเอกของเรื่องและแฟรนไชส์อย่าง Predator ก็ตาม
โดยเฉพาะ Predator ในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ได้มีการปรับแต่งและแก้ไขให้สมจริงมากยิ่งขึ้น โดยในเวอร์ชันนี้จะถูกเรียกกันว่า Feral Predator ที่มีทั้งความน่ากลัวและดิบเถื่อนมากกว่าครั้งที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าตัวของ Predator ในคราวนี้จะดูไม่ได้มีเทคโนโลยีที่โกงจนโอเวอร์เกินไป แต่เพราะแบบนั้นเองมันก็ยิ่งทำให้คนดูได้เห็นถึงความเก่งกาจและความน่ากลัวของ Predator มากยิ่งขึ้น ที่ไม่ได้พึ่งพาแค่เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีฝีมือในการล่าด้วยเช่นกัน จนอาจเรียกได้ว่า Prey นั้นได้ยกระดับนักล่าที่ใครหลายคนรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีขึ้นอีกเท่าตัวเลยทีเดียว
นอกจากตัวเอกของเรื่องอย่าง Predator แล้ว ส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งของภาพยนตร์ก็คือการเลือกที่จะเล่าเรื่องราวผ่านสายตาของนารู หญิงสาวผู้เสาะแสวงหาการยอมรับจากผู้คนภายในเผ่า ที่ถึงแม้เธอจะดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถไม่แพ้ผู้ชายคนหนึ่ง แต่เธอก็มักจะโดนดูถูกดูแคลนจากผู้ชายที่เป็นนักรบภายในเผ่าอยู่เสมอ
ซึ่งการที่เธอมักจะโหยหาการยอมรับต่างๆ จากผู้คนรอบข้างอยู่เสมอนั้น ก็เป็นการพิสูจน์ว่าโลกในปี 1700 ผู้ชายยังคงเป็นใหญ่และได้รับการยอมรับมากกว่าผู้หญิงอยู่เสมอ นารูจึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของหญิงแกร่งที่มีทั้งศักดิ์ศรีและความสามารถไม่แพ้กับผู้ชายคนหนึ่งเช่นกัน
และตรงจุดนี้เองก็ต้องชื่นชมนักแสดงสาวอย่าง Amber Midthunder ที่มารับบทนารูได้อย่างมีเสน่ห์ ชวนดึงดูดสายตาผู้ชมทั้งด้านรูปลักษณ์และการแสดง จนทำให้ใครหลายคนอดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยเธอให้รอดพ้นจากการตามล่าของ Predator ในครั้งนี้
นอกจากตัวละครที่มีความน่าสนใจแล้ว สิ่งสำคัญที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้มอบให้กับคนดูอย่างถึงที่สุดก็คงหนีไม่พ้นฉากแอ็กชันไล่ล่าระหว่างผู้ล่าและผู้ถูกล่า ซึ่งการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายนั้นก็มีตั้งแต่การจ้องหน้า ไปจนถึงการฉีกกระชากเลือดสาดกระเซ็นทั่วตัว
ซึ่งการให้ผู้ชมได้เห็นถึงสิ่งเหล่านั้นอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ใช้มุมกล้องหลบเลี่ยงมากจนเกินไป ก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างการไล่ล่าของสุดยอดเผ่าพันธุ์นักล่าแห่งห้วงอวกาศกับมนุษย์ดูสมจริงและดิบเถื่อนมากยิ่งขึ้น
ในภาพรวมคงต้องบอกว่า Prey เป็นภาพยนตร์ที่ ‘เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี’ เพราะนอกจากเนื้อหาการไล่ล่าที่ดูดิบเถื่อนระหว่างสองเผ่าพันธุ์แล้ว ภายใต้ฉากหน้าเหล่านั้นมันกลับแฝงไปด้วยนัยทางประวัติศาสตร์และข้อถกเถียงของอำนาจเพศสภาพในสังคมอย่างเห็นได้ชัด แต่ภาพยนตร์กลับทำได้กลมกลืนจนทำให้ผู้ชมไม่ได้รู้สึกว่ามันยัดเยียดมากจนเกินไป
ซึ่งมันส่งผลให้ใครที่อยากจะดูแต่ฉากแอ็กชันไล่ล่าเพียงอย่างเดียวก็สามารถดูได้อย่างสนุก และในเวลาเดียวกันใครที่อยากจะดูเพื่อนำเอาสาระไปใช้ถกกันต่อก็ทำได้เช่นกัน นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ภาพยนตร์ยังทำให้แฟนเดนตายของ Predator ได้กลับมาชื่นอกชื่นใจกันยกใหญ่อีกครั้งอย่างเต็มภาคภูมิกับแฟรนไชส์ที่รักของพวกเขาว่า นี่แหละคือหนทางที่มันควรจะเป็น (มาตั้งนานแล้ว)
สามารถรับชม Prey ได้แล้ววันนี้ทาง Disney+ Hotstar Thailand