สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จับเข่าคุย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถกค่าแรง 450 บาท ยก 3 เรื่องเร่งด่วนเดินหน้าเศรษฐกิจไทย ขอให้เร่งรัฐบาลให้เร็วสุด เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันประเทศ บริหารจัดการราคาพลังงาน ค่าไฟ และเสริมสร้างความเข้มแข็งผู้ประกอบการ SMEs
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และคณะ เดินทางเข้าพบและหารือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย และนักธุรกิจรุ่นใหม่ (YEC) เสนอประเด็นต่างๆ ด้านเศรษฐกิจในการหารือถึง 13 ประเด็น
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การพบปะในครั้งนี้มีการพูดคุยในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทต่อวัน โดยข้อมูลทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นที่ต่างกันแต่ไม่มาก โดยหอการค้าไทยเห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่อัตราการขึ้นค่าแรง ระยะเวลา อาจจะต้องมีการหารือในรายละเอียดที่เหมาะสมอีกครั้ง
นอกจากนี้ หอการค้าแห่งประเทศไทย เสนอประเด็นเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ควรเร่งดำเนินการ 3 เรื่อง ได้แก่
- การเร่งจัดตั้งรัฐบาลให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด และทุกคนพร้อมสนับสนุน ซึ่งพรรคก้าวไกลได้เสียงมากสุด ควรร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้การจัดทำนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณมีความต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นให้กับเศรษฐกิจในประเทศ
- การเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ การอำนวยความสะดวกในการลงทุน มีความชัดเจนในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ การบริหารจัดการโครงสร้างพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ที่กระทบต่อค่าครองชีพประชาชน
- เสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ และ SMEs โดยต้องทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำได้ง่ายขึ้น
“สำหรับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลนั้น สอดคล้องกับนโยบายของหอการค้าไทยอยู่แล้ว ทั้งการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน กระตุ้นเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ที่ต้องทำแบบกระจาย ไม่กระจุก การแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ การเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ดึงคนต่างชาติมาลงทุนต่อเนื่อง เน้นเศรษฐกิจแบบยั่งยืน แก้ปัญหา PM2.5 เศรษฐกิจสีเขียว (BCG) สิ่งแวดล้อม ทุกอย่างตรงกัน มาถูกทางแล้ว”
ทั้งนี้ หลังการหารือก็มีความสบายใจถึงมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีความชัดเจน แต่ก็อยากให้มีการเร่งจัดตั้งรัฐบาลและมีระยะเวลาที่ชัดเจน และจากการพูดคุยก็คาดว่าภายในเดือนกันยายน 2566 จัดตั้งรัฐบาลได้
สำหรับ ‘งบประมาณฐานศูนย์’ สามารถทำได้ไม่ต้องรอปี 2568 ส่วนการบริหารงบประมาณต้องใช้อย่างคุ้มค่า เพื่อให้การทำงานระหว่างรัฐและเอกชนทำงานต่อไปได้
สนั่นกล่าวอีกว่า มีความกังวลเกี่ยวกับระยะเวลาในการเบิกจ่ายที่จำกัด เบิกไม่ทัน ซึ่งอาจจะกระทบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมไปถึงต่างชาติก็มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ต่อคำถามที่ว่า หากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าจะกระทบต่อการลงทุนหรือไม่ อย่างไร สนั่นตอบว่า “ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็เสียหายแน่นอนหากล่าช้า และประชาชนรอความเดือดร้อนไม่ได้” และย้ำว่ามั่นใจพรรคร่วมรัฐบาลจะปิดสุญญากาศ พร้อมเดินหน้าเศรษฐกิจ
ด้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลและทีมเศรษฐกิจได้หารือใน 13 ประเด็นเศรษฐกิจที่หอการค้าไทยนำเสนอ เช่น ปัญหาคอร์รัปชัน BCG การส่งเสริม SMEs และประเด็นการขึ้นค่าแรง 450 บาท รวมทั้งการอัปเดตถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล
โดยข้อกังวลประเด็นการขึ้นค่าแรง 450 บาทต่อวัน ภายใน 100 วัน ภายหลังจัดตั้งรัฐบาลที่มีการหาเสียงไว้ จากการหารือกับหอการค้าไทย การขึ้นค่าแรงน่าจะมีกรอบระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับระยะเวลาเดิม หรือขยับออกไป ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องมีการหารือตัวเลขค่าแรงที่เหมาะสมก่อน
สำหรับความกังวลในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลขึ้นอยู่กับการรับรองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หากมีการรับรองก็จะเดินหน้าจัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และมีการเลือกประธานสภา ไปจนถึงนายกรัฐมนตรี พร้อมกับจัดประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เกิดสุญญากาศสั้นที่สุด เดินหน้าให้เร็วที่สุด เพื่อจัดการเกี่ยวกับงบประมาณและกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้พรรคก้าวไกลจะมีแผนหารือกับหลายหน่วยงาน โดยในวันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน 2566 จะนำทีมไปพบ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นยังมีภาคเอกชน เช่น สมาคมธนาคารไทย, สมาคมตลาดทุนไทย, สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
YEC หนุนกระจายรายได้ ดัน ‘อุตสาหกรรมสร้างสรรค์’
จิรพิสิษฐ์ รุจน์เจริญ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ประธาน YEC KORAT (Young Entrepreneur Chamber of Commerce) และประธานคณะทำงาน Food Network สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวกับ THE STANDARD WEAlTH ว่า พิธานำเสนอแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างตรงใจ โดยเฉพาะแผนการกระจายรายได้ ที่ไม่ควรกระจุกเพียงแค่เมืองหลวงกรุงเทพมหานคร อนาคตต้องมีการผลักดันเศรษฐกิจเมืองรอง และประสานงานคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่ามากขึ้น ลดขั้นตอนหน่วยงานราชการ ปรับการทำงานรูปแบบเดิมให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาท เพื่อพัฒนาระดับจังหวัดไปสู่การพัฒนาประเทศได้ อย่าง YEC KORAT เป็นทั้งเมืองเกษตรและเมืองท่องเที่ยว จะทำอย่างไรให้เกิด ‘อุตสาหกรรมสร้างสรรค์’ อยากให้คนรู้จักโคราชที่มากกว่าเขาใหญ่ จึงมองว่าหากสามารถผลักดันเมืองท่องเที่ยวให้มากกว่านั้น เราจึงพยายามผลักดันเรื่องสายการบินให้เป็นเส้นทางบินตรงโคราช-จีน เนื่องจากโคราชกำลังผลักดันเรื่องท่าเรือบกอีกด้วย