วันนี้ (17 มกราคม) พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเกิดเสียงดังคล้ายระเบิดที่หน้าจามจุรีสแควร์ ถนนพระราม 4 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 4 คนเมื่อวานที่ผ่านมา ว่าขณะนี้ตำรวจเตรียมออกหมายจับ 2 ผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม
เบื้องต้นทราบว่าเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์บนสะพานไทย-ญี่ปุ่นแล้วโยนลงมา โดยทราบข้อมูลจากการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ EOD และกองพิสูจน์หลักฐาน ทราบว่าเป็นระเบิดปิงปองที่มีความไวสูง จะจุดติดต่อเมื่อมีการขว้างปากระแทก ซึ่งวัตถุระเบิดชนิดนี้จะพบมีการใช้ในกลุ่มนักเรียนอาชีวะหรือเด็กช่างในเหตุทะเลาะวิวาท สามารถทำให้เกิดอันตรายกับผู้อื่นได้เมื่อถูกอวัยวะสำคัญ และหากอยู่ในระยะใกล้จุดเกิดเหตุทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
นอกจากนี้พบว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ลักษณะคล้ายกับเหตุที่เกิดบริเวณแยกรัชโยธินและกองสลากเก่า ซึ่งวัตถุสามารถทำขึ้นมาเองได้ โดยใช้ดินเทาซึ่งก็เป็นไปตามแนวทางสืบสวนต่อไป
ด้าน พล.ต.ต. ยิงยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า กรณีที่มีการรวมตัวกันชุมนุมของกลุ่มการ์ดเมื่อวานนี้ที่เกาะพญาไท รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บริเวณถนนพญาไท ปากซอยจุฬา 34 และแยกสามย่าน มีความผิดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ. ควบคุมโรค ซึ่งตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมาย หากไม่ทำตามก็ผิดในกรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเมื่อวานนี้ตำรวจมีการพูดจาและอธิบายข้อกฎหมายกับผู้ชุมนุมแล้ว ซึ่งผู้ชุมนุมพยายามต่อต้านการทำงานของตำรวจตลอดเวลา โดยตำรวจก็ทำตามขั้นตอน
เบื้องต้นตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จำนวน 2 คน คือ ใบบุญ ไทยพานิช อายุ 20 และ ภาณุพงษ์ พงษ์ธนู อายุ 20 ปี และจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นผู้ชุมนุมที่หน้าอาคารสามย่านมิตรทาวน์ จำนวน 4 คนคือ สถาพร วราวงศ์วณิชน์ อายุ 27 ปี, อภิสิทธิ์ ชนากรณ์ อายุ 40 ปี, กฤษณา สาระ อายุ 49 ปี และ จารุณี สาแผลง อายุ 52 ปี ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ร.บ. ควบคุมโรค
