เบียร์พรีเมียมแมสพุ่ง เพราะคนไทยหันมาดื่มวันธรรมดาโดยไม่ต้องรอเทศกาล ‘ไทยเบฟ’ สบโอกาส ทุ่มพันล้านส่ง ‘ช้าง โคลด์ บรูว์’ บุกช่องทางโชห่วย

กระแส Low Energy ดันตลาดเบียร์พรีเมียมแมสโต 10% ‘ไทยเบฟ’ เปิดเกมรุก ทุ่ม 1,000 ล้านบาท ส่งช้าง โคลด์ บรูว์ จัดแคมเปญการตลาด พร้อมขยายช่องทางขายบุกโชห่วย ทั้งในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด หวังขยายฐานผู้บริโภค และเพิ่มสัดส่วนรายได้ 15% ในพอร์ตเครื่องดื่มเบียร์

เลสเตอร์ ตัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเครือไทยเบฟ กล่าวว่า ตลาดเบียร์ในไทยมูลค่า 200,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเซ็กเมนต์แมส 73% ตามด้วยพรีเมียม 25% และพรีเมียมแมส 2% ทั้งหมดเริ่มได้รับสัญญาณบวกหลังจากโควิดคลี่คลาย มีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว รวมถึงความเคลื่อนไหวของการเลือกตั้ง ทำให้เศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว ผู้คนเริ่มมีความเชื่อมั่นและออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

นับเป็นโอกาสที่จะผลักดันให้ตลาดเบียร์เติบโตขึ้น โดยเฉพาะเซ็กเมนต์เบียร์พรีเมียมแมสที่มีมูลค่า 25,000 ล้านบาท ในปี 2565 มีการเติบโตสูงถึง 10%

“การเติบโตได้รับอานิสงส์มาจากกระแสของ Low Energy ทำให้การดื่มในชีวิตประจำวันขยายตัวมากขึ้น ถ้าเทียบจากในอดีตที่จะมีการดื่มเฉพาะวันสำคัญหรือในงานสังสรรค์เท่านั้น รวมถึงงานคอนเสิร์ตและงานอีเวนต์ต่างๆ และมั่นใจว่ากระแสดังกล่าวจะอยู่ได้ระยะยาว”

ดังนั้นบริษัทจึงเตรียมงบ 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ในด้านจัดแคมเปญการตลาด ภายใต้ผลิตภัณฑ์ช้าง โคลด์ บรูว์ ซึ่งอยู่ในเซ็กเมนต์ของพรีเมียมแมส ในช่องทางขายต่างๆ เพื่อขยายฐานผู้บริโภค โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

ดันรายได้เป็น 15%

แม่ทัพช้างกล่าวต่อว่า กลยุทธ์สำคัญหลักๆ มาจากการพัฒนาโปรดักต์ ไปจนถึงกระบวนการผลิต ควบคู่กับการนำนวัตกรรมใหม่มาใช้ในบรรจุภัณฑ์ สร้างความแปลกให้ผู้บริโภค เพราะปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคส่วนใหญ่จะชอบลองสินค้าที่แปลกใหม่ ไม่ใช่แค่เพียงเครื่องดื่ม แต่รวมไปถึงสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ในชีวิตประจำวัน โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวบรรจุภัณฑ์กล่องยาว ที่บรรจุสินค้าได้มากถึง 25 กระป๋อง รวมถึงถังบรรจุภัณฑ์ 5 ลิตร ออกมาสร้างสีสันในตลาด

ทั้งนี้ แม้ว่าที่ผ่านมาการทำตลาดหลักๆ จะอยู่ที่ภาคเหนือ แต่จากนี้เตรียมให้น้ำหนักกับการกระจายช้าง โคลด์ บรูว์ ไปยังช่องทาง Traditional Trade ทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักในต่างจังหวัด เพราะก่อนหน้านี้จะโฟกัสแค่ช่องทาง On Trade และ Modern Trade โดยปัจจุบันตลาดรวมเบียร์มีสัดส่วนวอลุ่มกว่า 80% โดยมีเป้าหมายสร้างการเติบโตทุกช่องทอง

อย่างไรก็ตาม ไทยเบฟมีเป้าหมายให้ช้าง โคลด์ บรูว์ มีสัดส่วนรายได้ 15% ในพอร์ตรายได้รวมของเครื่องดื่มเบียร์ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนเพียงตัวเลขหลักเดียว นอกนั้นเป็นสัดส่วนรายได้ของช้างคลาสสิก

ท้าชนกับเบียร์จาก ‘เจ้าพ่อคาราบาวแดง’

เลสเตอร์เผยอีกว่า ช้างมีแผนออกบรรจุภัณฑ์ใหม่ในไตรมาส 4/66 ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่า เป็นช่วงจังหวะที่ ‘เจ้าพ่อคาราบาวแดง’ จะลงมาชิงเค้กก้อนนี้ด้วย

ก่อนหน้านี้ ‘เสถียร เศรษฐสิทธิ์’ ได้ออกมาเปิดเผยถึงแผนธุรกิจในการทุ่มเงินกว่า 4,000 ล้านบาท ต่อยอดโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงออกมาเป็น ‘เบียร์ขวด’

เสถียรมั่นใจว่า เบียร์ที่กำลังจะออกมาในไตรมาส 4 นี้จะสามารถเจาะตลาดได้ เพราะเคยมีประสบการณ์จากการปั้นสินค้าใหม่เพื่อเจาะกลุ่มที่มีเจ้าตลาดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการออกเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้แบรนด์คาราบาวแดง หรือการทำเหล้าขาวและเหล้าสีผ่าน ‘บริษัท ตะวันแดง 1999 จำกัด’ ซึ่งสร้างกำไรปีละหลักพันล้านด้วยกัน

การเข้ามาของเสถียรจะทำให้ตลาดเบียร์แสนล้านที่เคยมีผู้เล่นหลักเพียง 3 ราย กำลังจะเพิ่มอีกเป็นรายที่ 4 โดยข้อมูลจาก Euromonitor บจก.บุญรอดบริวเวอรี่ มีส่วนแบ่งตลาด 57.9% ตามด้วย บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ มีส่วนแบ่ง 34.3% และ บจก.ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ 4.7% (ข้อมูลวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565)

หากพิจารณาเป็นรายแบรนด์ พบว่า ‘ลีโอ’ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 44.8% รองลงมาคือ ช้าง 31.2%, สิงห์ 11.2%, ไฮเนเก้น 3.8% และอาชา 2.4% ซึ่งจะเห็นได้ว่าเบียร์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดจะอยู่ในกลุ่มแมส

สำหรับรายได้ธุรกิจเบียร์ของไทยเบฟในปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) ถูกระบุว่า ด้วยปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด และปรับราคาในไทยกับเวียดนาม ทำให้รายได้รวมอยู่ที่ 122,489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.5% และมีกำไรสุทธิ 7,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 143.6%

ส่วนในไตรมาส 1 ของปีงบประมาณ 2566 (1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2565) มีรายได้จากการขายในธุรกิจเบียร์เพิ่มขึ้น 13.7% เป็น 37,932 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากราคาที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศไทยและเวียดนาม

ธุรกิจเบียร์จะได้ IPO ไหม?

อีกสิ่งที่น่าจับตาของไทยเบฟคือ การดันธุรกิจเบียร์ให้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์จะเกิดขึ้นเมื่อไร เพราะได้มีการเลื่อนมา 3 ครั้งแล้ว

ในการแถลงทิศทางของธุรกิจในปี 2566 แม่ทัพใหญ่อย่าง ‘ฐาปน สิริวัฒนภักดี’ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้เผยว่า แผนนำธุรกิจเบียร์หรือเบียร์โค (BeerCo) เข้าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์นั้น ยืนยันว่ายังคงเดินหน้าตามแผนเดิม

“ยอมรับว่าสภาพตลาดโดยรวมยังไม่เอื้อมากนัก ยังมีหลายปัจจัยที่ยังต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงต้องรอจังหวะเมื่อตลาดพร้อม ซึ่งอนาคตอาจจะอยู่ใน 6-12 เดือน ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้”

ซึ่งตอนนี้ผ่านมาแล้ว 5 เดือนนับจากวันที่ฐาปนได้ออกมาพูด ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติม แม้จะมีข่าวลือออกมาเป็นระยะก็ตาม