พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ร่วมกับ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS และ บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ Boot Out Piracy ประจำปี 2025/26 เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงจากการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลผ่านช่องทางที่ละเมิดลิขสิทธิ์
นี่เป็นปีที่ 4 ของการจัดแคมเปญในประเทศไทย โดยมีนักเตะดังจากพรีเมียร์ลีกเข้าร่วมรณรงค์ เช่น มาร์ติน โอเดการ์ด (อาร์เซนอล), อามาด ดิยัลโล (แมนฯ ยูไนเต็ด), ราอูล ฆิเมเนซ (ฟูแลม), แดน เบิร์น (นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด) และ แมตตี้ แคช (แอสตัน วิลลา) ร่วมส่งสารถึงแฟนบอลว่า การดูบอลเถื่อนไม่ใช่เรื่องเท่ แต่คือความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในทุกคลิก
เควิน พลัมบ์ ที่ปรึกษาทั่วไปของพรีเมียร์ลีก กล่าวว่า “การดูถ่ายทอดสดจากช่องทางผิดลิขสิทธิ์อาจดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่ในความจริง ความเสี่ยงที่ตามมาร้ายแรงกว่าภาพไม่ชัดแน่นอน จากมัลแวร์ ฟิชชิ่ง ไปจนถึงการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว”
ขณะที่งานวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ชี้ว่า เว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์มักเป็นช่องทางปล่อยมัลแวร์ โฆษณาแฝงสแกม การพนัน และเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจคุกคามความปลอดภัยของแฟนบอลและครอบครัวโดยตรง
ผลการศึกษาพบว่า เว็บไซต์ดูเถื่อนทำให้ผู้ใช้เสี่ยงถูกหลอก มากกว่าเว็บถูกลิขสิทธิ์ถึง 6 เท่า
กว่า 56% ของเว็บเถื่อนมีความเสี่ยงด้านมัลแวร์ ฟิชชิ่ง หรือสแกม และโฆษณาเกือบ 100% มีเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย
ทางด้าน ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS กล่าวว่า “เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับพรีเมียร์ลีกและ MONO เพื่อมอบประสบการณ์ดูฟุตบอลระดับโลกอย่างปลอดภัยและถูกกฎหมาย ขณะเดียวกันก็ต้องปกป้องแฟนบอลจากความเสี่ยงทางดิจิทัล”
โดย JAS ร่วมมือกับพรีเมียร์ลีกและหน่วยงานรัฐไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันการบังคับใช้กฎหมายต่อเว็บไซต์และอุปกรณ์สตรีมมิ่งเถื่อน พร้อมเดินหน้าสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัยและยั่งยืน
สำหรับแคมเปญ Boot Out Piracy เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2020 และดำเนินการในหลายประเทศในเอเชีย เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ฮ่องกง และไทย โดยตลอด 6 ปีที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีกได้ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อบล็อกเว็บไซต์และแอปเถื่อนกว่า 25,000 แห่งทั่วภูมิภาค