ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ 2022/23 กลับมาแล้ว!
นี่คือฤดูกาลที่ 31 ของลีกสูงสุดแห่งเกาะอังกฤษใหม่ (พูดอีกทีก็คือ ปีนี้พรีเมียร์ลีกอายุครบ 30 ปีแล้ว!) และหากนับรวมชื่อเดิมในศึกดิวิชัน 1 ด้วยจะถือเป็นฤดูกาลที่ 124 ซึ่งแน่นอนว่ามีเรื่องราวและแง่มุมต่างๆ ที่น่าสนใจ น่าติดตามเต็มไปหมด
ไม่ต้องเกริ่นนำเยอะ ไปติดตามกันเลยกับคู่มือพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ ฉบับ THE STANDARD!
กาเบรียล เชซุส จะนำแนวรุกอาร์เซนอลลงเกมเปิดม่านฤดูกาลใหม่กับคริสตัล พาเลซ
วันเปิด-ปิดฤดูกาล
สำหรับวันเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2022/23 นั้น จะเริ่มเร็วกว่าปกติราว 1 สัปดาห์ โดยจะเริ่มในวันที่ 5 สิงหาคม 2022 โดยเกมเปิดม่านฤดูกาลใหม่อย่างเป็นทางการ จะเป็นการพบกันระหว่างคริสตัล พาเลซ กับอาร์เซนอล ที่สนามเซลเฮิร์สต์ปาร์ก ในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 02.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย
ส่วนวันปิดฤดูกาลคือวันที่ 28 พฤษภาคม 2023 ซึ่งล่าช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์เช่นกัน
ที่เป็นเช่นนี้นั้นมีเหตุผล…
ฟุตบอลโลก 2022 ที่จะแข่งขันในปลายปี ทำให้จะเป็นครั้งแรกที่พรีเมียร์ลีกมีการพักเบรกแบบจริงจังกลางฤดูกาล
เพราะนี่คือครั้งแรกที่จะมีการพักเบรกระหว่างฤดูกาล
จริงอยู่ที่พรีเมียร์ลีกเริ่มนำการพักเบรกฤดูหนาว (Winter Break) มาใช้หลายปีแล้ว แต่การพักเบรกนี้ก็ไม่ได้เหมือนชาวบ้านชาวช่องที่หยุดพักในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม แบบหยุดจริงๆ เพราะอังกฤษมีธรรมเนียมการแข่งขันฟุตบอลช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ทำให้การเบรกจึงเบรกไม่สมบูรณ์ เพราะจะสลับให้ทีมได้พักกันคราวละ 10 ทีม ทีมละ 2 สัปดาห์
แต่สำหรับฤดูกาลนี้ จะเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่จะมีการเบรกกลางฤดูกาลพร้อมเพรียงกัน
เหตุผลนั้นเนื่องจากปีนี้เป็นปีฟุตบอลโลก และเป็นปีที่ไม่เหมือนใครและไม่น่าจะมีใครเหมือน เพราะการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์นั้น ไม่ได้แข่งขันในช่วงกลางปีเหมือนปกติ แต่ไปแข่งกันในช่วงปลายปี ระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน – 18 ธันวาคม 2022
นั่นหมายความว่านอกจากจะเริ่มเร็วและปิดช้าแล้ว ช่วงฟุตบอลโลกแข่งขันจะมีการเบรกไปโดยปริยาย เริ่มหลังจากแมตช์ในวันที่ 12-13 พฤศจิกายน
โดยจะกลับมาแข่งขันอีกครั้งในวัน ‘บ็อกซิ่งเดย์’ (Boxing Day) หรือวันแกะกล่องของขวัญ ในวันที่ 26 ธันวาคม 2022
เจอร์เกน คล็อปป์ เป็นหนึ่งในคนที่ผลักดันเรื่องตัวสำรอง 5 คนมาตลอด
ปีนี้เปลี่ยนตัวสำรองได้ 5 คน และความหมายที่ซ่อนอยู่ของเรื่องนี้
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ คือการที่สโมสรทั้ง 20 แห่งโหวตให้ใช้การเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ 5 คนอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้พรีเมียร์ลีกเคยนำการเปลี่ยนตัวผู้เล่น 5 คนมาใช้ในช่วงหลังเกิดการระบาดของโควิด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) เพื่อปกป้องสภาพร่างกายของนักฟุตบอล ที่ต้องรับศึกหนักในการลงสนามอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลานั้น แต่สุดท้ายมีการโหวตให้กลับมาใช้การเปลี่ยนตัวผู้เล่น 3 คนเหมือนเดิม ทั้งๆ ที่ลีกอื่นยังใช้การเปลี่ยนตัวผู้เล่น 5 คนจนปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี การโหวตเมื่อฤดูกาลที่แล้วทำให้ในฤดูกาลนี้ พรีเมียร์ลีกจะกลับมาเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ 5 คนอีกครั้ง (และคาดว่าจะใช้แบบนี้ตลอดไป เพราะเห็นได้ชัดว่าดีต่อสภาพร่างกายของนักฟุตบอลที่กรำศึกหนักมากกว่า) โดยการเปลี่ยนตัว 5 คนนั้น มีกฎง่ายๆ เพื่อไม่ให้เกิดการถ่วงเวลา
- แต่ละทีมสามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ 3 ครั้ง ในช่วงเวลาการแข่งขัน 90 นาที ไม่นับการเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่ง
- การเปลี่ยนตัวแต่ละครั้งทำได้ไม่เกิน 3 คน
การอนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ 5 คนนั้น ถูกมองว่ามีความสำคัญไม่เพียงแค่การดูแลนักเตะ แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้จัดการทีมทุกคนได้วางกลยุทธ์ในการเล่นที่หลากหลายขึ้นด้วย เช่น อาจจะเลือกทีมชุดหลักลงสนามก่อน และปรับกระบวนทัพหรือวิธีการเล่นได้หลากหลายมากกว่า 1 ครั้งในระหว่างเกม หรืออาจจะเลือกทีมชุดรองลงก่อน หากเห็นท่าไม่ดีสามารถเปลี่ยนผู้เล่นชุดหลักลงสนามมาแก้ไขสถานการณ์ได้
นอกจากนี้ บรรดาเด็กดาวรุ่ง หรือตัวสำรองที่ไม่ค่อยได้โอกาสในการลงสนาม ก็จะมีโอกาสในการลงสนามมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ส่วนทีมไหนจะใช้ประโยชน์จากกฎนี้ได้สูงสุด เป็นสิ่งที่ต้องจับตาดูกัน
เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ คือหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่น่าตื่นเต้นที่สุดในช่วงตลาดซัมเมอร์นี้
ตลาดนักเตะปิดวันไหน?
ตลาดการซื้อขายผู้เล่นประจำช่วงฤดูร้อน 2022 นั้น ได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา และจะเปิดทำการจนถึงวันที่ 1 กันยายนนี้ ในเวลา 23.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 05.00 น. ของวันที่ 2 กันยายน ตามเวลาในประเทศไทย
สำหรับการย้ายทีมทั้งหมดของพรีเมียร์ลีก สามารถเช็กได้ที่ https://www.premierleague.com/transfers/summer
เอริก เทน ฮาก กับงานที่ยากสุดๆ ในการกอบกู้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สตอรีไลน์ไหนที่น่าสนใจบ้างในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้?
ถามว่ามีเรื่องอะไรน่าจับตามองบ้างในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้? บอกเลย เยอะ!
- การไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และลิเวอร์พูล ที่ยังถูกมองว่าเป็น 2 ทีมที่ดีที่สุดในยุคนี้
- อาร์เซนอลพร้อมสำหรับการขึ้นชกในระดับเดียวกับแมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูล?
- แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับความพยายามที่จะกลับมาในเส้นทางสู่ความสำเร็จอีกครั้ง และวิบากกรรมของ เอริก เทน ฮาก ในเรื่อง คริสเตียโน โรนัลโด
- ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จะเป็นตัวแปรที่น่าจับตามองในการลุ้นแชมป์และลุ้นท็อปโฟร์อีกปีหรือไม่?
- เชลซีหลังยุค ‘Roman Empire’ ภายใต้การบริหารของเจ้าของสโมสรคนใหม่ ทอดด์ โบห์ลี
- นิวคาสเซิลที่จะเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเป็นทางการ
- น้องใหม่ 3 ทีม น็อตติงแฮม ฟอเรสต์, บอร์นมัธ และฟูแลม ใครจะรอดบ้าง?
- ฟุตบอลโลกและการเบรกกลางฤดูกาล จะส่งผลต่อโอกาสในการลุ้นสู่เป้าหมายของแต่ละสโมสรอย่างไรบ้าง?
- เออร์ลิง ฮาลันด์ vs. ดาร์วิน นูนเญซ และ กาเบรียล เชซุส! ยุคสมัยของ ‘No. 9’ ที่เหมือนจะกลับมาอีกครั้ง
ชมการถ่ายทอดสดได้ทางไหน?
ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในประเทศไทย ยังคงอยู่กับ TrueVisions (จนถึงปี 2025) ซึ่งสามารถติดตามรายละเอียดแพ็กเกจต่างๆ ทั้งการรับชมบนโทรทัศน์ และการรับชมผ่านแอปพลิเคชันได้ที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ หรือเพจของผู้ให้บริการ
โปรแกรมถ่ายทอดสดทุกนัด สามารถติดตามได้ที่ https://www.premierleague.com/fixtures (ภาษาอังกฤษ)
ตารางคะแนนล่าสุด ติดตามได้ที่ https://www.premierleague.com/tables (ภาษาอังกฤษ)
ทั้งนี้ พรีเมียร์ลีกเคยให้สัมภาษณ์พิเศษกับ THE STANDARD เกี่ยวกับการรับชมทาง ‘ลิงก์เถื่อน’ หรือช่องทางที่ผิดกฎหมาย ที่มีความอันตรายและน่ากลัวกว่าที่ใครหลายคนคิด ไม่เชื่อลองอ่านได้ใน “การดูฟุตบอลเถื่อนอันตราย และเราเอาจริงในการปราบปรามเรื่องนี้” พรีเมียร์ลีกกับการต่อสู้ขบวนการลิงก์บอลเถื่อนในประเทศไทย
นี่คือทุกเรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2022/23 ที่น่าจะช่วยเตรียมความพร้อมให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี
แล้วเราจะลุ้นไปด้วยกัน รักใคร เชียร์ใคร ก็ขอให้สมหวังนะ! 🙂