ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021/22 กำลังจะเดินทางมาถึงนัดสุดท้ายแล้วในวันอาทิตย์นี้
ตลอด 37 นัดที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่านี่เป็นฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่สนุกที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ 30 ปีนับตั้งแต่ลีกสูงสุดของอังกฤษมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จนกลายเป็น The Greatest Show on Earth สมคำร่ำลือ
เราได้เห็นการขับเคี่ยวแข่งขันที่ดุเดือดแทบทุกพื้นที่ของตารางคะแนน ไม่ว่าจะเป็นการเบียดลุ้นแชมป์ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้กับลิเวอร์พูลจะมาวัดกันในเกมสุดท้ายในสถานการณ์ใกล้เคียงกับฤดูกาล 2018/19 อีกครั้ง การเบียดแย่งพื้นที่ไปรายการสโมสรฟุตบอลยุโรปที่เต็มไปด้วยความดราม่า
ไปจนถึงการหนีตกชั้นที่เราได้เห็นแฟนเอฟเวอร์โตเนียนที่กรูกันลงมาเต็มสนามกูดิสัน ปาร์ค เมื่อรู้ว่าทีมรักของพวกเขาสามารถรอดพ้นการตกชั้นจากลีกสูงสุดในรอบ 68 ปีได้สำเร็จ
แต่ทั้งหมดนั้นคือการกรุยทางสู่บทสรุปของฤดูกาลที่จะมาถึง ซึ่งยังมีเรื่องราวเร้าใจที่รอเราทุกคนอยู่ดังนี้!
คูตินโญ เป็นอีกคนที่อยากไถ่บาปกับลิเวอร์พูล หลังเคยปวดหลังจนต้องย้ายไปบาร์เซโลนา (เดอะ ค็อป บอกว่าพร้อมให้อภัย!)
‘สตีวีจี’ (และคูตินโญ) ความหวังของลิเวอร์พูล
แม้จะเป็นสุดยอดนักเตะที่เก่งกาจแห่งยุคสมัยแต่ สตีเวน เจอร์ราร์ด ก็เป็นคนอาภัพที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับแชมป์พรีเมียร์ลีกแม้สักครั้ง
ที่เจ็บที่สุดคือการที่เขาเป็นคนพลาด ‘ลื่น’ เองในเกมสำคัญกับเชลซี จนทำให้ทีมแพ้และสุดท้ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็นแชมป์ในฤดูกาล 2013/14 ทั้งที่เข้าใกล้แชมป์จนแทบจะเอื้อมมือคว้าได้แล้ว
อย่างไรก็ดี เจอร์ราร์ดกำลังมีโอกาสที่จะแก้ตัวให้กับทีมเก่าที่เป็นรักแรกและรักตลอดไป เมื่อจะนำทีมแอสตัน วิลลาบุกเยือนรังเอติฮัด สเตเดียม ด้วยความหวังว่าหากจะสามารถ ‘หยุด’ แมนฯ ซิตี้อย่างน้อยไม่ให้คว้าชัยชนะได้ในเกม 90 นาที ก็จะเป็นการช่วยทำให้ลิเวอร์พูลมีโอกาสเบียดแซงคว้าแชมป์ในนัดสุดท้ายได้ ในวงเล็บว่า ทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ ก็จำเป็นจะต้องคว้าชัยชนะเหนือวูล์ฟส์ ทีมที่ไม่ธรรมดาให้ได้เช่นกัน
สถานการณ์นั้นใกล้เคียงกับในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2018/19 ซึ่งลิเวอร์พูลต้องหวังพึ่งไบรท์ตันในนัดสุดท้าย และเคยมีความหวังเมื่อ เกล็นน์ เมอร์เรย์ กองหน้าตัวเก๋ายิงขึ้นนำได้ (ก่อนหน้านั้นมีการปล่อยข่าวลือว่าไบรท์ตันนำ) แต่สุดท้ายแมนฯ ซิตี้ยิงตีคืนได้อย่างรวดเร็วก่อนคว้าชัยชนะและได้แชมป์ไปในที่สุด ทิ้งให้ลิเวอร์พูลที่เอาชนะวูล์ฟส์ (ทีมเดิม) ได้เหมือนกันเป็นรองแชมป์ทั้งที่มี 97 คะแนน
หากจะมองเรื่องโชคเรื่องดวงแล้วก็มีจุดที่น่าสนใจ เพราะในฤดูกาลนั้น แมนฯ ซิตี้ได้ 3 คะแนนสำคัญมากเมื่อ แว็งซองต์ กอมปานี กองหลังกัปตันทีมเติมขึ้นมายิงไกลสุดสนั่นให้ทีมชนะเลสเตอร์ ซิตี้ แต่ในฤดูกาลนี้ ริยาด มาห์เรซ ยิงจุดโทษในเกมกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ดพลาด เปิดโอกาสให้คู่แข่งกลับมามีลุ้นในนัดสุดท้าย
แต่ถึงแฟนเดอะ ค็อปทั่วโลก รวมถึง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จะขอฝากความหวังไว้กับเจอร์ราร์ด แต่สำหรับอดีตกัปตันทีมแห่งแอนฟิลด์ สิ่งที่เขาจะโฟกัสมีเพียงการทำหน้าที่ในฐานะผู้จัดการทีมวิลลาเท่านั้น และนักเตะวิลลาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องสู้สุดชีวิตเพื่อใครนอกเหนือจากแฟนบอลพวกเขาเอง
การต้องเผชิญหน้ากับแมนฯ ซิตี้ที่รู้ตัวว่าพวกเขาจะต้องปิดเกมให้ได้เร็วที่สุด เป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับทีมของเจอร์ราร์ด
แต่หากพวกเขายังต้านทานเอาไว้ได้เรื่อยๆ อะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะแนวรับของแมนฯ ซิตี้เองก็มีปัญหาสาหัสในเวลานี้ และอย่าลืมว่าเจอร์ราร์ดยังมีนักเตะที่สามารถสร้างสิ่งพิเศษในสนาม และมีความผิดบาปในใจที่อยากจะไถ่โทษต่อลิเวอร์พูลอีกคนอย่าง ฟิลิปป์ คูตินโญ รวมอยู่ด้วย
เกมที่เกี่ยวข้อง: แมนฯ ซิตี้ vs. แอสตัน วิลลา, ลิเวอร์พูล vs. วูล์ฟส์
‘ซอนนี’ มีโอกาสคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ซนฮึงมิน นักเตะเอเชียคนแรกที่ได้ดาวซัลโว? (และไป #UCL)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เป็นหนึ่งในทีมที่เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างเลวร้ายเหมือนทีมบ้านแตกสาแหรกขาด แต่การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงดึง อันโตนิโอ คอนเต เข้ามาคุมทีมแทน นูโน เอสปิริโต ซานโต ซึ่งเข้ามารับงานได้เพียงไม่กี่เดือนกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
อดีตกุนซือที่พาเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และในฤดูกาลที่แล้วก็เพิ่งพาอินเตอร์ มิลานโค่นบัลลังก์ทองของยูเวนตุสในเซเรีย อา อิตาลีได้ ใช้เวลาในการปรับจูนทีมจนทำให้สเปอร์สที่เหมือนไก่จ๋อยกลับมาเป็นไก่ฮอตแอนด์สไปซีได้อีกครั้งในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน และตอนนี้พวกเขามีโอกาสที่จะคว้าโควตาไปยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้อีกครั้งด้วย หลังถล่มอาร์เซนอล 3-0 ได้ในเกมนอร์ธลอนดอนดาร์บีเมื่อสัปดาห์ก่อน และกันเนอร์สยังมาพลาดมหันต์อีกเมื่อพ่ายนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดต่อในเกมกลางสัปดาห์
สิ่งที่คอนเตเปลี่ยนแปลงทีมมีหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการขันชะเนาะแนวรับให้เหนียวแน่น การใช้ศักยภาพตัวริมเส้นที่มีของดีหลายคนในทีม และการดึง 2 นักเตะยูเวนตุสอย่าง โรดริโก เบนตานกูร์ และ เดยัน คูลูเซฟสกี มาต่อจิ๊กซอว์ให้ฟุตบอลในแบบของเขาสมบูรณ์
แต่หนึ่งในคนที่มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้สเปอร์สกลับมาจุดนี้ได้คือซนฮึงมิน กองหน้าทีมชาติเกาหลีใต้ที่เหมือนจะเจอช่วงเวลาฟอร์มตกอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้ายค่อยๆ กลับมาระเบิดฟอร์มร้อนแรงได้ในช่วงปลายฤดูกาล จนตอนนี้ไล่ตามโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ สตาร์ลิเวอร์พูลที่เคยนำโด่งในทำเนียบดาวซัลโวก่อนฟอร์มจะดรอปในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังจนเหลือแค่ประตูเดียว แถมดาวเตะอียิปต์ยังมีอาการบาดเจ็บที่อาจจะพลาดเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลด้วย
จากสถานการณ์ส่วนตัว (ซึ่งซนออกอาการชัดเจนมากว่าต้องการได้ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก) และสถานการณ์ของทีมที่ต้องการชัยชนะเหนือนอริช ซิตี้ ทีมที่ตกชั้นไปแล้วที่แคร์โรว โรด ทำให้เชื่อได้ว่าเขาจะเน้นสุดๆ อย่างแน่นอน โดยมี แฮร์รี เคน รับบทพี่เลี้ยง และมีคูลูเซฟสกีคอยช่วยปั้นอีกแรง
ใครเล่น Fantasy Football แนะนำใส่ซนฮึงมินได้เลย แพงแต่ดี!
เกมที่เกี่ยวข้อง: นอริช ซิตี้ vs. สเปอร์ส, อาร์เซนอล vs. เอฟเวอร์ตัน
โจ เกลฮาร์ดต์ กองหน้าดาวรุ่งวัย 20 ปีที่อาจเป็นความหวังหนีตกชั้นของลีดส์
Drag Me to HELL ลีดส์หรือเบิร์นลีย์ ใครจะลงนรก
ความจริงลีดส์ ยูไนเต็ดไม่ควรจะเหลือความหวังแล้วด้วยซ้ำ แต่ไอ้หนู โจ เกลฮาร์ดต์ ก็กลายเป็น Lucky Charm ให้กับทีมอีกครั้ง เมื่อมีส่วนทำให้ทีมช่วยได้ประตูตีเสมอในช่วงนาทีเป็นนาทีตายกับไบรท์ตันในเกมกลางสัปดาห์ ซึ่ง 1 คะแนนที่ได้มานั้นอาจหมายถึงความหวังและโอกาสในการรอดตกชั้นได้เลยทีเดียว
โดยสถานการณ์เวลานี้ ลีดส์มีคะแนนเท่ากับเบิร์นลีย์ที่ 35 คะแนน โดยที่พวกเขาจะไปเยือนเบรนท์ฟอร์ดในนัดสุดท้าย ขณะที่เบิร์นลีย์ซึ่งได้เปรียบในเรื่องประตูได้เสียถึง 20 ลูก (ซึ่งหมายถึงถ้าสุดท้ายทั้งสองทีมชนะ เสมอ หรือแพ้เหมือนกัน พวกเขาจะอยู่รอด) เจอของแข็งกว่าอย่างนิวคาสเซิล ยูไนเต็ดที่ผลงานในช่วงหลังนั้นดีเทียบเท่าทีมระดับหัวตารางเลยทีเดียว
มองตามเนื้อผ้าว่ากันตามหน้าเสื่อก็ยังบอกยากว่าทีมไหนจะมีโอกาสรอดมากกว่ากัน เพราะหนักด้วยกันทั้งคู่ และสถานการณ์อาจไปถึงขั้นที่ทั้งสองทีมอาจจะแพ้ในเกมนัดสุดท้ายเลยก็ว่าได้
เพียงแต่เมื่อสู้กันมาถึงจุดนี้แล้วย่อมไม่มีใครอยากยอมแพ้ เพราะทั้งลีดส์และเบิร์นลีย์ตัดสินใจเด็ดขาดในการเปลี่ยนแปลงหัวเรือใหญ่ด้วยการปลดผู้จัดการทีมอย่าง มาร์เซโล บิเอลซา และ ฌอน ไดช์ พ้นจากตำแหน่งเพื่อปรับโมเมนตัมของทีมเลยทีเดียว และเป็น เจสซี มาร์ช กับ มิก แจ็กสัน รับตำแหน่งแทน
ดังนั้น ก่อนที่จะรู้ว่าใครจะโดนมือมรณะลากไปสู่ขุมนรกเดอะแชมเปียนชิปตามวัตฟอร์ดและนอริช ซึ่งจะหมายถึงการที่รายได้มหาศาลกว่า 100 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาลจะสูญเสียไป เชื่อได้ว่าเราน่าจะได้เห็นการสู้ตายถวายชีวิตของทั้งสองทีมอย่างแน่นอน
เกมที่เกี่ยวข้อง: เบิร์นลีย์ vs. นิวคาสเซิล, เบรนท์ฟอร์ด vs. ลีดส์
นอกเหนือจากเรื่องราวเหล่านี้แล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่น่าติดตามอีก เช่น
- การเริ่มต้นใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุด (ถึงขั้นนักเตะขอให้งดการแจกรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสร) เมื่อ เอริก เทน ฮาก ว่าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ที่จะรับตำแหน่งทันทีหลัง ราล์ฟ รังนิก คุมทีมนัดสุดท้ายของฤดูกาลในเกมไปเยือนคริสตัล พาเลซ จะมาชมฟอร์มของทีมแบบชัดๆ ซึ่งไม่รู้ว่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงสภาพทีมที่เป็นพิษมานานได้แค่ไหน
- เชลซีจะปิดฉากยุค Roman Empire อย่างเป็นทางการ โดยที่จะมีนักเตะบางรายลงเล่นเป็นนัดสุดท้ายกับทีม เช่น อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และยังอาจจะรวมถึง โรเมลู ลูกากู ด้วย โดยที่ยังไม่มีใครรู้อนาคตหลังจากนี้ว่าภายใต้กลุ่มทุนเจ้าของใหม่อย่าง ทอดด์ โบห์ลี เชลซีจะยังรักษาสถานะทีมระดับหัวแถวของพรีเมียร์ลีกได้หรือไม่
- หนึ่งในเรื่องราวโรแมนติกที่สุดของฤดูกาลนี้คือการที่ โธมัส แฟรงก์ และเบรนท์ฟอร์ดเปิดประตูต้อนรับ คริสเตียน อีริกเซน กลับมาสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัวอีกครั้ง หลังเกือบจากไปอย่างกะทันหันในศึกฟุตบอลยูโร 2020 และดาวเตะชาวเดนมาร์กก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทีมกลับมาฟอร์มแกร่ง รอดพ้นการตกชั้นสบายๆ แต่เพราะฟอร์มนั้นดีเกินไปทำให้หลายสโมสรอยากได้ตัวไปร่วมทีม รวมถึงสเปอร์สทีมเก่าด้วย ซึ่งเกมนี้อาจจะเป็นนัดสุดท้ายของอีริกเซนกับ The Bees ก็ได้
ดังนั้น เตรียมขนมกับเครื่องดื่มเย็นๆ ให้พร้อม แล้วเราจะเฝ้าลุ้นพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาลในวันอาทิตย์นี้ (22 พฤษภาคม) เวลาดี ‘สี่ทุ่ม’ เจอกัน!