×

เปิดบันทึกการจับกุม-ตรวจยึดเปรมชัยพร้อมลายเซ็น พบบางคนมึนเมา รับอาวุธปืนกระสุนเป็นของตัวเอง

07.02.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • เหตุการณ์ช่วงหนึ่งระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าตักเตือนคณะของนายเปรมชัย เนื่องจากการพักค้างแรมในจุดดังกล่าวไม่สามารถทำได้ และพบว่าบางคนมีลักษณะมึนเมา
  • บุคคลที่ไปพร้อมกับนายเปรมชัย คือ นายยงค์ โดดเครือ ให้การว่า เป็นลูกน้องของนายเปรมชัย ทำหน้าที่ขับรถยนต์มากว่า 30 ปีแล้ว นายธานี ทุมมาศ ให้การว่า เป็นเจ้าของร้านอาหารท่าทุ่งนา อยู่ที่กรุงเทพฯ รู้จักนายเปรมชัยมา 5 ปีแล้ว ส่วนนางนที เรียมแสน เป็นแม่บ้านของนายเปรมชัย ทำงานมา 5 ปี และมาครั้งนี้เพื่อทำหน้าที่ปรุงอาหาร

ข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับเช้านี้ คงหนีไม่พ้นข่าวการจับกุม ‘นายเปรมชัย กรรณสูต’ ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน ลักลอบเข้าตั้งแคมป์และล่าสัตว์ป่าในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้ายึดซากสัตว์ป่าคุ้มครองพร้อมอาวุธปืนหลายรายการ และนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดี 9 ข้อหา

 

พร้อมนำผู้ต้องหาทั้งหมดฝากขังที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ก่อนได้รับอนุญาตให้ประกันตัวด้วยเงินสดคนละ 150,000 บาท ต่อมานายเปรมชัย ขอให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และอ้างว่าตนเองหลงทาง รวมทั้งต้องการเข้าไปท่องเที่ยวสักครั้ง “เพราะจะแก่ตายอยู่แล้ว”

 

ล่าสุดในวันนี้ เฟซบุ๊ก ‘คนอนุรักษ์’ ซึ่งได้ออกมาเปิดเผยข่าวดังกล่าวเป็นรายแรกๆ โดยโพสต์ภาพบันทึกการจับกุม/ตรวจยึด นายเปรมชัยและพวก ที่มีการลงลายเซ็นของนายเปรมชัยในฐานะผู้ต้องหาจำนวน 7 แผ่น

 

โดยบันทึกจับกุม/ตรวจยึดดังกล่าว เป็นของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ชุดจับกุม โดยมีเนื้อหาสำคัญเป็นเหตุการณ์ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ออกตรวจและไปพบกับนายเปรมชัยและคณะพร้อมของกลางทั้งหมด โดยเหตุเกิดระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2561

 

ในบันทึกยังระบุถ้อยคำของนายเปรมชัยที่ให้ไว้ว่า ตนกับพวกรวม 4 คนได้เดินทางโดยรถยนต์ โตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ สีน้ำตาลอ่อน ทะเบียน 7 กค 2192 กทม. เข้ามาท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นำเข้ามาเป็นของตน และตนทราบถึงกฎ ระเบียบ ประกาศของทางราชการในการเข้ามาท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก  

 

เหตุการณ์ช่วงหนึ่งระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าตักเตือนคณะของนายเปรมชัย เนื่องจากการพักค้างแรมในจุดดังกล่าวไม่สามารถทำได้ เพราะขัดกับประกาศกรมอุทยานฯ เนื่องจากมีสัตว์ป่าชุกชุมและมีความเปราะบางทางระบบนิเวศสูง และเมื่อทำการซุ่มดูพฤติกรรมพบมีเสียงปืนดัง 1 นัด จึงเข้าตรวจสอบและแจ้งให้ออกจากพื้นที่ทันที แต่นายเปรมชัยต่อรอง เพราะค่ำแล้วเกรงจะได้รับอันตราย โดยได้ขับรถยนต์ออกไปจากที่พักเพื่อไปพูดคุยกับ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เพื่อขอค้างแรมต่อ และพบว่ามีบางคนในกลุ่มมีอาการลักษณะมึนเมา

 

ในบันทึกระบุว่า หนึ่งในซากสัตว์ที่ตรวจค้นพบคือ ซากเสือดำ ที่ถูกชำแหละแล้ว รวมน้ำหนักซาก น้ำหนักกะโหลกและเครื่องใน 10.6 กิโลกรัม โดยไม่รวมหนังเสือที่บรรจุในถุงพลาสติกซุกซ่อนโดยใส่เศษหญ้าปิดคลุม

 

ขณะที่บุคคลที่ไปพร้อมกับคณะของนายเปรมชัย คือ นายยงค์ โดดเครือ ให้การว่า เป็นลูกน้องของนายเปรมชัย ทำหน้าที่ขัยรถยนต์มากว่า 30 ปีแล้ว นายธานี ทุมมาศ ให้การว่า เป็นเจ้าของร้านอาหารท่าทุ่งนา อยู่ที่กรุงเทพฯ รู้จักนายเปรมชัยมา 5 ปีแล้ว ส่วนนางนที เรียมแสน เป็นแม่บ้านของนายเปรมชัย ทำงานมา 5 ปี และมาครั้งนี้เพื่อทำหน้าที่ปรุงอาหาร

 

ทั้งนี้คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาร่วมกันและพบกว่ากระทำของนายเปรมชัยและพวกมีความผิด 9 ข้อหา ดังนี้

 

1. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

2. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

3. ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

4. ฐานร่วมกันพยามยามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

5. ฐานร่วมกัน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิดตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

6. ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ 1 (1) ของ กฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ไม่มีโทษอาญา แต่ให้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ออกไปจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้

 

7. ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

 

8. ฐานรวมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

9. สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป

 

ขณะที่ตอนท้ายของบันทึกระบุว่า ได้อ่านบันทึกการจับกุม/ตรวจยึด ฉบับนี้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนฟังแล้ว และอ่านเองแล้วรับว่าถูกต้องเป็นความจริงทุกประการ และยินยอมให้ใช้บันทึกการจับกุม/ตรวจยึดนี้เป็นพยานหลักฐานในชั้นพนักงานสอบสวน และชั้นศาลได้ โดยมีผู้ถูกจับทั้ง 4 คน ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน

 

อ่านบันทึกฉบับเต็ม ได้ที่ www.facebook.com/Khonanurak/posts/1559695114146221

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X