วันนี้ (25 กุมภาพันธ์) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงภายหลัง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายเสร็จ โดยกล่าวว่าเมื่อวาน (24 กุมภาพันธ์) ก็เจอกันที่ห้องอาหาร ก็เข้ามาจับมือกัน มีการทักทายกันเป็นอย่างดี
แต่วันนี้รู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่ากินอาหารอะไรผิดไปหรือเปล่า ชักสงสัย แต่ก็ไม่ขอไปต่อสู้อะไรกับท่าน ในส่วนของเหมืองอัครานั้นมีบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด รัฐบาลตั้งแต่ปี 2543 รับผิดชอบโดยการเปิดสัมปทานและมีการดำเนินการมาโดยตลอด มีบริษัท อัครา ไมนิ่ง จำกัด ดำเนินการ และมีการขอสัมปทานเพิ่มอีก 9 แปลง โดยสัมปทานมีอายุ 20 ปี จนถึงปี 2571
ซึ่งระหว่างปี 2550-2559 ประชาชนได้ร้องเรียนถึงรัฐบาลถึง 6 รัฐบาล รวมถึงรัฐบาลตนด้วยว่าได้รับผลกระทบจากเรื่องน้ำเสีย น้ำมีการปนเปื้อนโลหะหนักและสารพิษ มีการเดินขบวนต่อต้านเหมือง ขณะเดียวกันก็มีผู้สนับสนุนการทำเหมืองด้วย ซึ่งมีทั้งแร่แมงกานีสต่างๆ เรื่องดังกล่าวได้มีการพิสูจน์อย่างต่อเนื่องทั้งจากคณะที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
“ประเด็นสำคัญคือผมไม่ได้ออกคำสั่งยึดเหมืองมาเป็นของผม ผมเพียงให้ระงับปิดกิจการเป็นการชั่วคราว ทั้งนี้ก็เพื่อให้เคลียร์ปัญหาที่มีอยู่ทั้งหมดว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ โดยให้ยุติการอนุญาตการสำรวจจนถึงสิ้นปี 2559 และมีคำสั่งให้ระงับกิจการตั้งแต่ปี 2560 จนกว่าจะมีมติเป็นอย่างอื่น ถึงวันนี้บริษัทคิงส์เกตฯ ได้ยื่นเรื่องต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ ยืนยันว่ามาตรา 44 เป็นการระงับใบอนุญาตชั่วคราวของรัฐที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของประชาชน ซึ่งตนคิดว่าทุกรัฐบาลต้องคิดแบบนี้ ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม มีเหตุมีผล ถ้ามีความเสียหาย
“ผมอยากถามว่าที่ผ่านมามีความเสียหายเยอะหรือไม่ ทุกเรื่องผมแก้มาหมดทุกอัน ทั้งเรื่องคลองด่านและเรื่องอื่นๆ ซึ่งเรื่องทั้งหมดเกิดก่อนที่จะมีรัฐบาลผม รัฐบาลที่ท่านว่าเก่ง ทำไมถึงไม่แก้ ซึ่งก็เป็นรัฐบาลของท่านด้วย ใน 6 รัฐบาลที่ประชาชนร้องเรียน 3 รัฐบาลก็เป็นของท่าน ที่ท่านบอกว่ามีผู้รับประโยชน์แทนจากความเสียหาย ผมก็ไม่รู้ว่าใครเหมือนกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถึงวันนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการ ขณะเดียวกันฝ่ายคู่พิพาทก็พยายามหาช่องทางในการเจรจา หลายอย่างอยู่ในกลไกซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการก็กำลังพิจารณา ซึ่งจากที่ฟังการอภิปรายเหมือนกับจะมีการเชียร์อยู่เหมือนกัน แต่ตนไม่เชียร์ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายเสมอ การที่รัฐบาลต้องทำตรงนี้ แม้จะยังไม่ชัดเจนในเรื่องของสาเหตุ แต่ก็ได้ให้ยุติไปก่อน เราจำเป็นต้องต่อสู้แบบนี้
ซึ่งถึงวันนี้ยังไม่มีการตัดสินใจ เพราะการพิจารณาเพิ่งจะเริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ถือเป็นการแก้ปัญหาเก่าที่เกิดขึ้นในอดีต เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องปกป้องประชาชน ตอบรับข้อร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2550 จำเป็นต้องตัดสินใจดำเนินการ ซึ่งไม่ว่าใครก็คงตัดสินใจไม่ต่างจากตน
“ถ้าเป็นรัฐบาลที่รักประชาชนจริง ระหว่างนี้ก็มีคำสั่งจากคณะอนุญาโตตุลาการบังคับไม่ให้คู่พิพาทเปิดเผยข้อเท็จจริงของเอกสารและรายละเอียดต่างๆ ในคดีข้อพิพาทดังกล่าวต่อสาธารณะ และให้เฉพาะผู้เกี่ยวข้องลงนามในหนังสือรักษาความลับเท่านั้นที่จะเข้าถึงข้อมูลได้ หากใครเปิดเผยถือเป็นการขัดคำสั่งคณะอนุญาโตตุลาการ
“ทั้งนี้เพื่อปกป้องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอันจะส่งผลกระทบต่อรูปคดี ยืนยันอีกครั้งว่าเราจะต้องสู้ให้เต็มกำลัง มีช่องทางใดจะเกิดขึ้นได้ในสิ่งที่จะทำให้ยุติได้ก็ต้องทำ และมีการพิจารณาในมาตรการที่หากต่อสู้ไม่ได้ เรื่องนี้ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และอยากฝากถึงประชาชน ถ้าฟังเพลินๆ ก็ดูเหมือนดี ที่พูดกันมาดูเหมือนรักชาติรักแผ่นดินก็ว่ากันไป” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์