วันนี้ (28 กันยายน) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงกรณีกระแสข่าวการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ภายหลังพรรคเพื่อไทยปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ว่า เป็นการเขียนข่าวไปเองของผู้สื่อข่าว และขณะนี้ยังไม่มีอะไร ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องของภาคการเมือง ตนว่าแล้วว่าต้องมาถาม การปรับคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นเรื่องปกติของทุกพรรคการเมืองที่ต้องมีการปรับกันอยู่ตลอด และตนไม่เคยพูดเรื่องดังกล่าวนี้กับใครทั้งสิ้น เป็นเพียงการตั้งประเด็นกันขึ้นมาเอง ยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดใจในประเด็นที่ผู้สื่อข่าวนั้นเขียนขึ้นมา หากตนพูดอะไรก็เป็นไปตามนั้น เพราะผมก็คือผม ส่วนการปรับหากเป็นการปรับปรุงพัฒนาประเทศตนก็ยินดี และไม่ได้ว่าอะไร และวันนี้เองรัฐบาลก็ยังอยู่
พล.อ. ประยุทธ์ ยืนยันว่า ไม่ถอดใจลาออกหากเป็นเรื่องของประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ตนต้องการให้บ้านเมืองนั้นสงบสุขและพัฒนาไปตามขั้นตอน โดยผู้สื่อข่าวถามว่าทราบหรือไม่ว่ากระแสข่าวลือดังกล่าวนั้นมาจากอะไร นายกรัฐมนตรีถามกลับว่า จะรู้ไหมล่ะ ข่าวลือจะรู้ที่มาหรือไม่
“ใจไม่ถอดอยู่แล้ว ถ้าเพื่อประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ นายกไม่เคยถอดใจในเรื่องตรงนี้ เพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข และเป็นไปตามขั้นตอนและกฎหมายที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นผมยังยืนยันไม่มีถอดใจอยู่แล้ว” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่าจะเป็นใคร และผู้สื่อข่าวเองรู้จักกันอยู่แล้วทั้งหมด ตนจำเป็นต้องคัดเลือกคนที่เหมาะสม รู้งานด้านเศรษฐกิจ การทำงานของรัฐบาล ใจถึง พร้อมปฏิเสธว่าไม่ใช่ผู้ที่กำลังเป็นแคนดิเดตอยู่ขณะนี้ ทั้ง ประสงค์ พูนธเนศ, อาคม เติมพิทยาไพสิฐ และ ไกรฤทธิ์ อุชุกานนท์ชัย เนื่องจากไม่มีใครสมัครใจร่วมงานกับตน ส่วนใหญ่ติดปัญหาเรื่องครอบครัว บางครั้งการเลือกคนไม่ได้มากนัก แต่ต้องเลือกคนที่ดีที่สุด หรือทำงานร่วมกันให้ได้มากที่สุด นี่คือแนวทางการทำงานของตน ซึ่งการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้เป็นเพียงการปรับตำแหน่งเดียว ยังไม่สลับตำแหน่งแต่อย่างใด เนื่องจากยังทำงานร่วมกันได้ ขอให้ทำเพื่อประเทศชาติกันไปในช่วงนี้
ส่วนการนัดชุมนุมในวันที่ 14 ตุลาคมนั้น พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่า จะมีการดูแลเหมือนเดิม ส่วนจะยอมให้มีการเคลื่อนไหวหรือไม่แม้รู้วัตถุประสงค์ที่แท้จริงนั้น ยอมตนคงไม่ยอม และกฎหมายก็คือกฎหมาย การที่ตนบังคับใช้กฎหมายอย่าเรียกว่ากดดัน ตนอยากให้คนในประเทศช่วยกันพิจารณาให้ถ่องแท้ถึงวัตถุประสงค์คืออะไร หากมีการส่งใช้มาตรการเต็มที่เลยได้หรือไม่ ขอให้ไปดูคนที่ไม่ยอมเคารพกฎหมาย วันข้างหน้าหากการเคลื่อนไหวสำเร็จแล้วจะบริหารประเทศได้อย่างไร ตนไม่เข้าใจ ความขัดแย้งก็จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ประเทศชาติก็อยู่ไม่ได้
ส่วนจะมีการปะทะกันหรือไม่ของกลุ่มรักสถาบันนั้น ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการปะทะกัน รัฐบาลเปิดพื้นที่ให้ แต่ก็ต้องเคารพกฎหมาย และอย่าให้ไปเข้าทาง คนรักสถาบันและประเทศชาติมีหลาย 10 ล้านคน ทุกคนจะต้องช่วยกันลดแรงกดดัน ทุกคนรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ซึ่งการแสดงออกครั้งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเป็นอย่างไร อย่าเอาทุกอย่างมาพันกัน กลายเป็นว่ารัฐบาลอ่อนแอ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
