การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ครั้งแรกในรอบ 6 ปี โดยมี ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมพิจารณา ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายเปิดญัตติไม่ไว้วางใจว่า พล.อ. ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล้มล้างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม ละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพของบุคคลอย่างกว้างขวาง เป็นผู้นำประเทศที่กร่าง เถื่อน มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ปิดปากผู้ที่มีความเห็นต่าง ชอบก่นด่าเมื่อถูกซักถาม เมื่อได้อำนาจมาโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็สร้างกลไกในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อมุ่งสืบทอดอำนาจของตนเอง ปล่อยให้มีการทุจริตเต็มบ้านเต็มเมือง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวารและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม
ประชาชนไม่ได้เลือกพวกท่านขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เป็นเพราะรัฐธรรมนูญเขียนกติกาพาท่านกลับมาสู่ตำแหน่งอีกครั้ง การอ้างว่ารัฐธรรมนูญผ่านประชามติก็เป็นเพียงการทำประชามติแบบมัดมือชกจับผู้เห็นต่างปรับทัศนคติ
อีกทั้งเรากำลังเอาเรื่องเศรษฐกิจไปฝากไว้กับคนที่ไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจเลย ทำประเทศที่เคยนำหน้าต้องล้มลุกคลุกคลาน ภายใน 6 ปี ท่านทำให้ประเทศล่มสลายอย่างหมดสิ้น
ทำประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่เติบโตต่ำที่สุดในโลก ไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมาการเจริญเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี ครัวเรือนเป็นหนี้ 97% เงินออมต่ำสุดในรอบ 9 ปี
โครงการเมกะโปรเจกต์เอื้อธุรกิจรายใหญ่ไม่กี่ราย ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ใช้งบประมาณของรัฐสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเองและพรรคการเมือง โดยมิได้คำนึงถึงภาระด้านงบประมาณของประเทศ เป็นยุคที่เงินกำลังจะหมดคลัง ไม่ยึดตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ลุแก่อำนาจ ขาดภาวะผู้นำ
ด้าน พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงว่า ผมไม่ได้โกรธท่านเลย เห็นรอยยิ้มผมแจ่มใสมาตลอด ผมเข้ามายินดีอย่างยิ่งแม้จะมีการปล่อยข่าวเยอะแยะมากมาย ผมเข้ามาเพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งเป็นฉบับเดียวกับที่ท่านได้เข้ามาเช่นกัน
ตนเข้าสู่กระบวนการ และได้คะแนนเสียง ส.ส. เกิน 250 เสียง ซึ่งมีมากกว่าฝ่ายค้าน
ในเรื่องที่ว่าผมไม่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ต้องกล่าวไปถึงช่วงก่อนเดือนพฤษภาคม 2557 ผมจำเป็นต้องแก้ปัญหาของประเทศเพื่อแก้ปัญหาประเทศสู่ความสงบเรียบร้อย
สมัยก่อนผมกังวลเรื่องการโกง ย้อนกลับไปมันมีเยอะหรือไม่ คดีความต่างๆ มีมากมาย เหตุการณ์ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีขบวนการทำลายกระบวนการยุติธรรม การออกกฎหมายนิรโทษกรรมในเวลากลางคืน ท่านว่าผมตอนนี้ ท่านต้องมองย้อนไปคนก่อนหน้าด้วย
การใช้อำนาจผมไม่เคยใช้ไปลงโทษใคร แม้กระทั่งสื่อโซเชียลก็ไม่เคยไปฟ้องร้อง การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ท่านไปถามสื่อได้เลยครับ เขาไม่ได้โกรธผม จริงๆ แล้วผมเป็นคนอารมณ์เย็น ยิ้มแย้มแจ่มใส นักข่าวทั้งทำเนียบเข้าใจผมหมด
เรื่องเศรษฐกิจก็มีปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 2557 ส่วนปี 2553 ใครถูกตีในรถบ้าง ถูกล้อมบ้าง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีปัญหา
การใช้มาตรา 44 กลั่นแกล้งข้าราชการ ผมจะทำไปทำไม ตนใช้กฎหมายมาตรา 44 เพื่ออำนวยความสะดวกและบูรณาการการทำงาน
การสืบทอดอำนาจเป็นเรื่องของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ผมไม่ได้เข้าไปนั่งร่างกับเขา เขาร่างมาอย่างไรผมก็ต้องปฏิบัติ
เรื่องประชานิยมรัฐบาลนี้ดูแลทุกคน ไม่ใช่ดูแลเฉพาะแต่ราคาข้าว มาตรการชิมช้อปใช้ร้านค้าใหญ่มีส่วนแค่ 8% ซึ่งจะให้กระทรวงการคลังชี้แจง ทั้งนี้ผมต้องการคำอภิปรายที่เป็นประโยชน์ และช่วยกรุณาฟังคำตอบของพวกผมด้วย
ระหว่างนั้น ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ประท้วงนายกรัฐมนตรีว่ากล่าวข้อความเท็จในกรณีการเข้ามาเป็นนายกฯ ด้วยเสียงของ ส.ส. เกิน 250 เสียงว่า การประชุมเลือกนายกฯ ในวันนั้นเป็นการประชุมร่วมมี ส.ว. ร่วมโหวตนายกฯ ด้วย เพราะฉะนั้นข้อความที่นายกฯ กล่าวเป็นเท็จ
ชวน หลีกภัย ประธานในที่ประชุมกล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับ อภิปรายต่อได้
ขณะที่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่าเป็นการประชุมร่วมก็จริง แต่มีการประชุม 2 สภา ถ้าชี้แจงง่ายๆ แบบนี้ไม่เข้าใจก็ยากจะอภิปรายต่อไป ขอจบการอภิปรายเพียงเท่านี้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์