วันนี้ (29 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเดินทางไปร่วมการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อถึงกรณีวันที่ 4 เมษายนนี้ว่า ตนเองขอพูดคุยกับทางพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน เนื่องจากขณะนี้พรรคกำลังดำเนินการหลายอย่าง ทั้งเรื่องการประชุมและจัดลำดับ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ หลังจากนั้นจะมาหารือกับตนอีกครั้งหนึ่งในเรื่องการเลือกตั้ง จึงไม่อยากมาพูดในวาระตรงนี้ เพราะบทบาทตนอยู่ตรงนี้ อยู่ในทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้เราต้องช่วยกันให้ประเทศไปรอด ขออย่าคิดว่ามันง่ายนักในการทำงานอะไรต่างๆ ดั่งใจที่คิด มันไม่ง่ายมากนักในวันนี้ โลกกำลังจับตามองทุกอย่าง ส่วนดีๆ เราก็เยอะอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ เสนอทางออกประเทศแก้ความขัดแย้ง โดยระบุว่า ให้กลืนเลือดกันคนละก้อน หลัง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อมารับโทษ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็พูดไปเถอะ เขาก็พูดไป ยังไม่มีความเห็น ทุกคนก็คิดเอาก็แล้วกัน ทั้งหมดผมไม่ได้เป็นตัวความขัดแย้งอะไรทั้งสิ้น ผมก็เข้ามาแก้ไขความขัดแย้ง ก็เห็นอยู่แล้วนี่ เพราะฉะนั้นใครจะพูดอะไรก็พูดไป ซึ่งประชาชนจะเป็นผู้แยกแยะเอง ขอสื่อมวลชนช่วยด้วยก็แล้วกัน หากนำทุกคำพูดมาเป็นประเด็นก็ทะเลาะกันทั้งวันแหละ โต้กันไปมา ผมไม่พูดเสียดีกว่า”
พล.อ. ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความบิดเบือนในสังคมออนไลน์ ถึงการนับถือศาสนาของนายกฯ หลังเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอดเดือนรอมฎอน วานนี้ (28 มีนาคม) ว่าพูดอย่างนี้ไม่ได้ มันทำให้เสียหายต่อประเทศ ยืนยันว่าตนเองนับถือศาสนาพุทธมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่ปู่ย่าตายายก็นับถือศาสนาพุทธมาโดยตลอด ทั้งตนและครอบครัวญาติพี่น้องก็นับถือศาสนาพุทธ แต่ยืนยันว่าตนเคารพทุกศาสนา ซึ่งเราก็ต้องเคารพซึ่งกันและกัน ขอสื่ออย่าไปขยายความให้เขาแล้วกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสาเหตุการตัดสินใจไม่ลง ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ. ประยุทธ์ปฏิเสธการตอบคำถาม โดยกล่าวว่า เป็นเหตุผลส่วนตัวของผม ซึ่งไม่มีข้อกำหนด จะลงก็ได้หรือไม่ลงก็ได้ รัฐธรรมนูญกำหนดว่าอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น มันเป็นเรื่องของตน แต่ยืนยันว่าไม่ได้ใช้อำนาจอย่างเดียว อยู่มา 4 ปีใช้อำนาจเต็มที่เสียที่ไหน ตนสามารถประคับประคองพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดทำงานได้ในทุกกระทรวง 36 คน ไม่ได้ใช้อำนาจบังคับใครและรู้กาลเทศะในการทำงานตามบทบาทหน้าที่
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ อะไรที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งก็ขอให้เบาๆ ลงหน่อย โอกาสมันจะหายไปหมดทุกอย่าง ไม่ใช่เฉพาะว่าตนจะอยู่หรือไม่อยู่ เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของตนก็ว่ากันไป แต่ท้ายที่สุดประเทศชาติจะต้องอยู่ นั่นแหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด