วันนี้ (11 กุมภาพันธ์) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวถึงมาตรการป้องกันและแก้ไขการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยเฉพาะกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลทางโชเชียลมีเดียที่ระบุว่าเรือสำราญ Westerdam จะเข้าเทียบท่าที่แหลมฉบังนั้น
รัฐบาลไม่ได้มีการอนุญาตให้เข้ามาจอดเทียบท่าดังกล่าวแต่อย่างใด แต่จะให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม เช่น การเติมน้ำมัน หรืออาหารและน้ำดื่ม หากต้องการก็จะส่งไปให้ โดยยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลเป็นไปตามที่ต่างประเทศดำเนินการเช่นกันและเป็นไปอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดเข้าระยะที่ 3 โดยขณะนี้ไทยอยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งยังสามารถดูแลควบคุมได้ แต่รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะสามารถควบคุมได้ โดยจะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและให้กระทรวงสาธารณสุขชี้แจงถึงการเตรียมการรองรับการแพร่ระบาดเพื่อเป็นการเตรียมการขั้นต้น ซึ่งหากทำได้ดีครบถ้วน ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา
พร้อมทั้งได้มอบหมายให้ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการผลิตหน้ากากอนามัยในการที่จะผลิตหน้ากากอนามัยให้มีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้หน้ากากอนามัยกระจายได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อประชาชน และสามารถส่งออกให้ต่างประเทศได้ด้วย ทั้งยังมีการให้ความรู้เกี่ยวกับหน้ากากอนามัยที่ทำมาจากผ้าที่มีความทนทานมากกว่าและสามารถใช้ซ้ำได้ด้วยการซัก
ทั้งนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจถึงราคาที่แตกต่างกันระหว่างหน้ากากอนามัยที่มาจากองค์การเภสัชกรรมและหน้ากากอนามัยที่ผลิตจากภาคเอกชน ซึ่งวันนี้ได้มีการหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในหลายประเด็นทั้งมาตรการระยะสั้น มาตรการระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนของหน้ากากอนามัยที่เกิดขึ้น
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์