วันนี้ (27 เมษายน) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจตัวเลขการส่งออกของประเทศไทย ซึ่งเป็นผลมาจากการนำนโยบายของรัฐบาลไปขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นคือ การส่งเสริมและผลักดัน Soft Power ของรัฐบาล โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งรัดการส่งออกสินค้าใน 4 หมวดสำคัญ ได้แก่ อาหาร, ดิจิทัลคอนเทนต์, สุขภาพความงาม และสินค้าอัตลักษณ์ไทย การจัดทำมาตรการเชิงรุกผลักดันการส่งออกผลไม้ การผลักดันการค้าชายแดน ซึ่งมีคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, ยุโรป, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย และอาเซียน ที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ธนกรกล่าวว่า ตัวเลขการส่งออกในเดือนมีนาคม 2565 มีมูลค่าประมาณ 28,859 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 19.5% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 922,313 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าการส่งออกสูงที่สุดในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติการส่งออกตั้งแต่ปี 2534 การนำเข้ามีมูลค่า 27,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 18% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 887,353 ล้านบาท เกินดุลการค้า 1,459 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 34,960 ล้านบาท
สำหรับตลาดและการลงทุนในประเทศ เดือนมีนาคม 2565 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยจำนวน 53 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 17 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 36 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,838 ล้านบาท
ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมีนาคม 2565 พบว่า มีการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 10 ราย คิดเป็น 19% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด ลงทุนที่กรุงเทพมหานคร 29 ราย คิดเป็น 55% และที่อื่นๆ 14 ราย คิดเป็น 26% มีเงินลงทุน 6,323 ล้านบาท คิดเป็น 58% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยประเทศที่ลงทุนสูงสุด จีน 3 ราย ลงทุน 3,189 ล้านบาท, ญี่ปุ่น 2 ราย ลงทุน 630 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 1 ราย ลงทุน 637 ล้านบาท ที่เหลือเป็นประเทศอื่นๆ
“ถือเป็นสัญญานที่ดีสำหรับประเทศไทยทั้งการส่งออกและการลงทุนภายในประเทศ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและศักยภาพของประเทศเรา ยืนยันรัฐบาลมุ่งสร้างความเข้มแข็งจากภายในประเทศ ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากไทยเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก พร้อมมุ่งมั่นช่วยเหลือ สนับสนุนผู้ส่งออก นักลงทุน ให้มีพื้นที่แข่งขันได้ในเวทีโลก โดยตอบสนองนโยบายของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทุกภาคส่วนเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” ธนกรกล่าว