คำถามสำคัญที่สื่อทุกสำนักรอถามนายกรัฐมนตรีหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (16 ต.ค.) คือประเด็นการเปิดโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม รวมถึงเว็บไซต์ของนายกรัฐมนตรี ขณะที่เสียงตอบรับในโซเชียลมีเดียค่อนข้างจะโน้มเอียงไปในทางวิพากษ์วิจารณ์
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม. โดยตอบคำถามประเด็นนี้เป็นข้อแรกด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มว่า “เรากำลังดำเนินนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ผมเองก็เป็นกลุ่มคนเบบี้บูมเมอร์ ผมก็พยายามใช้ให้เป็น แสดงให้เห็นว่าผมพยายามปรับตัว วันนี้การใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ผมเองก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน
“ที่ผ่านมาผมให้ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ให้หมด ผมก็ต้องการจะเปิดเวทีตรงนี้ให้ทุกคนมีโอกาสได้ติ ได้ชมผม อะไรที่เป็นประโยชน์ผมก็จะรับมาพิจารณาดำเนินการให้เหมาะสม
“วันนี้ผมก็สั่งส่วนราชการต่างๆ ด้วย ขอให้ทำให้มันอิมแพ็ก บางทีเราชี้แจงไปแล้วคนไม่ค่อยได้สนใจ มันต้องติดตามเรียนรู้เหมือนกันว่าสังคมดิจิทัลเป็นอย่างไร
“โซเชียลมีเดียถือเป็นช่องทางการสื่อสารอีกทางหนึ่งในการสื่อสารกับประชาชน ผมก็ต้องทำตัวให้ใจกว้างมากขึ้น ยอมรับในสิ่งที่อาจติมามากหน่อย แต่ขออย่างเดียวให้สุภาพหน่อย เยาวชนต่างๆ ก็ติดตามเรียนรู้กันอยู่ ลูกหลานของเราทั้งนั้นนะครับ”
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวต่อว่า คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ว่าจะพูดอะไร ทำอะไรดีๆ ก็ไม่ชอบอยู่ดี ที่เขามาติต่างๆ มันใช่ข้อเท็จจริงหรือเปล่า ถ้ามันใช่เราก็แก้ไข ถ้าไม่ใช่ข้อเท็จจริงเราก็ชี้แจงได้
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า “ผมก็ไม่ได้ใช้งบประมาณอะไรมากมาย เชิญนะครับ เข้าไปกดไลก์กันด้วย ขอให้ติชมในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่หยาบคาย ผมก็ให้คณะทำงานของผมติดตามในเรื่องเหล่านี้
“คณะทำงานจะสรุปมาให้ผมทราบทุก 3-5 วัน และส่วนใหญ่ผมก็จะเขียนตอบเอง และให้ทีมงานนำข้อความไปโพสต์ลงโซเชียล”
ส่วนข้อสังเกตตัดยศออกนั้น พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมภูมิใจนะที่มียศ แต่อันนี้เป็นเรื่องการสร้างการรับรู้ประชาชน ก็คงจะให้กระชับและสั้นที่สุด”
ส่วนกรณีข้อวิจารณ์ว่าเป็นการหาเสียงเอาเปรียบพรรคอื่นนั้น
พล.อ. ประยุทธ์ถามกลับว่า “แล้วพรรคอื่นเขาไม่เปิดหรืออย่างไร ให้ความเป็นธรรมผมบ้างสิ เพราะฉะนั้นก็กรุณาเบาๆ ลงกันหน่อย ผมต้องการให้เรียนรู้ว่าเราจะอยู่กันอย่างไรในสังคมของโซเชียลมีเดีย
“วันนี้หลายพรรคการเมืองก็จัดกิจกรรมกันหมด อันนี้ก็อยากให้เข้าใจว่าผมก็ปรับตัวตามสถานการณ์ วันนี้ คสช. ก็อนุโลมไปหลายอย่างด้วยกัน ก็ช่วยกันพูดหน่อยแล้วกันว่ารัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นจนขยับกันไม่ได้เลย เพียงแต่ต้องพิจารณาให้เหมาะสม”
นักข่าวถามด้วยว่า ได้ประเมินเสียงตอบรับจากประชาชนแล้วหรือยัง
พล.อ. ประยุทธ์ตอบว่า “ผมติดตามมาโดยตลอด การที่ผมจะทำการเมืองต่อไปผมจะตัดสินใจเองถึงเหตุผลและความจำเป็นทั้งของตนเองและชาติบ้านเมือง
“สิ่งสำคัญที่สุดคือการเดินหน้าปฏิรูปการเมืองว่า เราจะทำได้อย่างไร ยุทธศาสตร์ชาติจะทำได้อย่างไรโดยไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ
ช่วงหนึ่งนักข่าวถามถึงข้อห่วงใยในการควบคุมอารมณ์
พล.อ. ประยุทธ์ถามกลับว่า “วันนี้ผมอารมณ์ดีไหม เสียงนุ่มนวลไพเราะไหม แต่บางครั้งการทำงานบางทีมันว้าวุ่น เรื่องมันเยอะ หลายเรื่องทำไปแล้วก็ไม่จบ หลายเรื่องมีปัญหาทับซ้อน
ช่วงท้ายนักข่าวถามด้วยว่า คนเข้ามาคอมเมนต์ ถ้าวิพากวิจารณ์รุนแรงมีความผิดหรือไม่
พล.อ. ประยุทธ์ตอบว่า “ถ้าจะเอาผิดก็เอาผิดได้ทั้งหมด เพราะมีหลายอัน แต่ขอให้มีจิตสำนึก ลูกหลานอ่านอยู่แล้วอยากให้เขาเป็นอย่างนี้หรือ ใช้คำหยาบคาย คำด่าพ่อล่อแม่ ทำไมเราไม่พัฒนาตรงนี้ให้เป็นช่องทางการศึกษาอีกช่องทางหนึ่งที่มันบริสุทธิ์ เด็กๆ จะได้มาแสดงความคิดเห็นได้
“ผมเคยฟ้องใครไหมล่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลอะไรต่างๆ มันไม่ได้ แต่จะอดทนให้ถึงที่สุด เพราะเป็นนายกฯ นี่นา” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
ขณะที่ พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปิดเฟซบุ๊กและสื่อโซเชียลมีเดียของ พล.อ. ประยุทธ์ ว่า แม้จะมีคอมเมนต์พอใจบ้างไม่พอใจบ้าง ก็เป็นธรรมดา ต้องอดทน ต้องรับฟัง ถ้าเราคิดจะทำงานเพื่อประเทศชาติก็ต้องอดทนและรับฟังได้ และขอให้คณะรัฐมนตรีไปช่วยกับเปิดดู ถ้าอะไรเกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่ดูแลก็ให้ไปปรับปรุงแก้ไข
“ท่านนายกฯ ไม่ได้ท้อใจกับการที่มีคอมเมนต์วิพากษ์ในทางเสียหาย อะไรที่ไม่เข้าใจท่านก็บอกว่าให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน แต่มันเป็นจุดเปลี่ยนวันนี้คือสังคมยุคใหม่ที่ต้องการการสื่อสาร”
ส่วนการโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย พล.อ. ประยุทธ์ จะเป็นคนคิดประเด็นส่งให้กับทีมงาน แต่บางครั้งก็จะโพสต์เอง
ด้านประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีการใช้โซเชียลมีเดียของนายกรัฐมนตรีว่า ไม่ใช่ประเด็นเรื่องการหาเสียง แต่เรื่องนี้ยังไม่มีการคุยกันในรายละเอียด เพราะรับทราบจากสื่อมวลชนเท่านั้น ยังไม่สามารถตอบชัดเจนได้ นอกจากนี้ กกต. ยังระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาได้เก็บข้อมูลทุกอย่างไว้แล้ว เช่น การลงพื้นที่ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งหากไม่ได้ใช้ทรัพยากรรัฐและเวลาราชการ ก็ถือว่าทำได้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า