พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกของปี 2561 โดยช่วงท้ายของการแถลงข่าว พลเอก ประยุทธ์ กล่าวออกมาเองโดยไม่มีนักข่าวถามนำว่า
“วันนี้เป็นวันแห่งความสุข แล้วก็เป็นวันแห่งรอยยิ้ม ผมก็ยิ้มเยอะๆ หน่อย แต่ก่อนผมยิ้มแล้วหุบเร็ว เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยยิ้มเท่าไร หน้าผมเป็นอย่างนี้ ตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนแปลง เพราะผมไม่ใช่ทหาร เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นหทาร มันก็ติดนิสัยทหารอยู่บ้าง”
ทั้งนี้ตลอดการแถลงข่าว พลเอก ประยุทธ์ พยายามย้ำประเด็นเพื่อสลัดภาพลักษณ์ทหารหลายครั้ง โดยช่วงหนึ่งของการแถลงข่าว พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลผมไม่ใช่ทหาร ถึงผมจะมาจากทหาร แต่ผมก็ไม่ใช่ทหารแล้ว ออกจากทหารมาตั้ง 3 ปีแล้วก็อย่ามองว่าอะไรก็ทหารๆ ต้องไปมองว่าเป็นความสร้างความเกลียดชังให้ทหารหรือเปล่า เพราะวันนี้เราก็มาทำตรงนี้ แล้วก็ไม่ใช่ทหารเป็นรัฐบาลทั้งหมด ผมก็มี ครม. หลายส่วน นักวิชาการก็มี ผมไม่ใช่ทหาร ถ้าทหารก็ต้องไปสั่งทหารด้วยกัน ผมสั่งอย่างนั้นไม่ได้
ส่วนการเลือกตั้งนั้น ผมไม่อยากให้ใช้คำว่าเป็นการต่อสู้ทางการเมือง เป็นเรื่องของทหารต้องการมีอำนาจต่อ ผมเบื่อการใช้อำนาจ เพราะผมเป็นทหารมา 30-40 ปี ผมใช้อำนาจในการปกครองบังคับบัญชาลูกน้องมาตลอด การมีอำนาจมีไว้ใช้ปกครองทหารยามศึกสงคราม ซึ่งจำเป็นต้องมีระเบียบวินัย
แต่ตอนนี้ผมเป็นนายกฯ ซึ่งกำกับดูแลการทำงาน มอบนโยบายต่างๆ ผมไม่ได้ใช้ความคิดแบบทหาร ความคิดแบบทหารมีอย่างเดียวที่ผมใช้คือการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติให้เกิดขึ้นให้ได้
ส่วนประเด็นคำถามที่ว่ายังยืนยันการเลือกตั้งว่าเป็นไปตามโรดแมปหรือไม่?
พลเอก ประยุทธ์ ตอบว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมปว่าอยู่ที่กฎหมายลูก ซึ่งเหลืออีกสองฉบับคือ พ.ร.ป. การเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป. การได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งเสร็จเมื่อไรก็เลือกตั้งเมื่อนั้น จะบอกว่าผมไปดึงเรื่อง ยืนยันว่าผมทำไม่ได้ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญเขาก็ทำออกมาโดยความคิดเห็นของเขา หน้าที่ของใครก็ของใคร แต่ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันให้บ้านเมืองสงบสุข
นายกฯ กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลของรัฐระบุว่าสถานการณ์บ้านเมืองยังสงบอยู่ในระดับหนึ่ง แต่เพราะว่ากลุ่มการเมืองออกมาไม่ได้ เพราะกลัวกฎหมายของตน แต่ถ้าไม่มีกฎหมายเหล่านี้จะเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาใช้กฎหมายปกติแล้วเอาไม่อยู่ ยิ่งวันนี้ในโซเชียลมีเดียก็มากมาย เพราะฉะนั้นต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้ง ถ้าไม่แก้เรื่องเหล่านี้ต่อไปก็ลำบาก และผมก็ไม่รู้ว่าใครจะรับผิดชอบเรื่องเหล่านี้ เมื่อได้รัฐบาลเลือกตั้งมาแล้วจะบริหารได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ทุกอย่างมีบทเรียนมาแล้วทั้งสิ้น