คดีเปรมชัยล่าเสือดำ มาพร้อมกับกระแสความไม่เชื่อมั่นของสังคมตั้งแต่วันแรกที่จับกุมตัวได้ จนถึงวันนี้ผ่านไปเกือบ 1 เดือน ดูเหมือนว่ากระแสความไม่เชื่อมั่นของสังคมจะรุกคืบแซงความคืบหน้าของคดี
วันนี้ (27 ก.พ.) หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงคดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวก ร่วมกันลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตกว่า
คดีทุกคดีมันมีขั้นตอนการดำเนินการ โดยขั้นตอนนี้เป็นเรื่องของตำรวจในการสอบสวนทำสำนวนคดี แล้วส่งอัยการสั่งฟ้องสู่ศาลยุติธรรม เมื่อสั่งฟ้องไปแล้วก็ให้ทนายไปแก้ต่างกันในชั้นศาล
เพราะฉะนั้นอย่าไปตัดสินคนหรือคาดการณ์ล่วงหน้า เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม บางครั้งเอาคดีนี้ไปเทียบกับคดีโน้น ซึ่งบางทีมันก็ไม่ใช่ ยืนยันว่าไม่ใช่ว่าคนรวยต้องไม่ติดคุก ขอให้เชื่อมั่น โดยเรื่องนี้ตนได้กำชับไปทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตำรวจว่าต้องทำคดีให้ตรงตามข้อเท็จจริง
“ทุกเรื่องรัฐบาลสั่งตลอด เหลืออย่างเดียวผมต้องลงไปทำคดีเอง ไปเป็นตำรวจทำสำนวนเอง เพราะทุกคนคาดหวังกับผมทั้งนั้น แต่ผมก็พยายามทำในกรอบอำนาจหน้าที่ของผมเต็มที่แล้ว” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว
วันเดียวกันนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมพนักงานสอบสวนติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มนายเปรมชัย โดยยืนยันว่าพนักงานสอบสวนไม่ได้ทำคดีล่าช้า เนื่องจากพนักงานสอบสวนมีเวลาสรุปสำนวนคดี สามารถขออำนาจศาลฝากขังได้ 7 ผัด และขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 80 แล้ว และมีการสอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 30 ปาก ซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์
พล.ต.อ. ศรีวราห์ มั่นใจว่าสามารถสรุปสำนวนคดีล่าสัตว์ป่าฯ และข้อหาอื่นๆ รวม 9 ข้อหา ให้พนักงานอัยการได้ก่อนครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 4 ในวันที่ 24 มีนาคมนี้อย่างแน่นอน ส่วนการออกหมายเรียกให้นายเปรมชัยมาให้ปากคำในวันที่ 5 มีนาคมนี้ที่ สภ.ทองผาภูมิ หากนายเปรมชัยไม่เดินทางมา ทางพนักงานสอบสวนจะรายงานศาลให้ทราบ พร้อมขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับเนื่องจากเป็นการขัดหมายเรียกครั้งที่ 2 ระหว่างได้รับการประกันตัว
ส่วนกรณีมีการแชร์ข้อมูลในโชเชียลมีเดียว่าตำรวจไม่แจ้งข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ตามที่มีผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อนายเปรมชัยนั้น ชี้แจงว่า ข้อหาดังกล่าวไม่ได้หลุด แต่เนื่องจากข้อหานี้ไม่มีในข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557
ด้าน พ.ต.อ. วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รองผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ป. กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้พยานหลักฐานข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงานยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เนื่องจากคลิปเสียงที่ปรากฏไม่ใช่เสียงของนายเปรมชัย และเนื้อหาเป็นหาเป็นการสนทนาทั่วไป โดยมีนายยงค์ โดดเครือ หนึ่งในผู้ต้องหาสนทนากับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ โดยมีนายปิยะพงษ์ สืบเสน เจ้าหน้าที่เป็นผู้บันทึกเสียงไว้ ซึ่งเป็นการสนทนาหลังถูกจับกุมเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ และได้นำคลิปเสียงให้สื่อมวลชน ก่อนจะมีการลบออกจากโทรศัพท์ แต่ยืนยันว่าคลิปเสียงไม่ได้หาย
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 8 มีนาคมนี้จะเชิญนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กับพยานอีก 5 คนมาให้ปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะมีการประชุมสรุปว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาติดสินบนเจ้าพนักงานหรือไม่ในวันที่ 12 มีนาคมนี้
