วันนี้ (3 เมษายน) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการร่วมสนามเลือกตั้ง 2566 อย่างเต็มตัวว่า จากนี้จะลงพื้นที่หาเสียงมากขึ้น เพราะทุกจังหวัดคือบ้าน ที่นี่คือประเทศไทยจะไปไหนก็ได้ ทั้งนี้ ทางพรรคได้จัดเตรียมตารางงานไว้แล้ว ทั้งบทบาททางการเมืองและหน้าที่ในการบริหารประเทศ ทั้งสองจะต้องวางตารางให้ชัดเจน ไม่ให้สับสนวุ่นวายและพร้อมไปทุกที่
วันนี้ที่ตนได้มาลงสนามเลือกตั้งอย่างเต็มตัว บรรยากาศถือว่าดี เพิ่งมาครั้งแรก ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดีไม่มีใครทะเลาะกัน ไม่มีใครใช้ความรุนแรง คนละพรรคเจอหน้ากันก็ทักทายกันดี เพราะทุกคนคือคนไทยด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองก็รู้จักหลายคนที่เป็นแกนนำนักการเมือง วันนี้แม้หลายพรรคจะเปลี่ยนแปลงไปตามกลยุทธ์ของพรรคการเมือง แต่ความผูกพันส่วนตัวไม่มีปัญหากัน ความเป็นเพื่อน ความคุ้นเคย การทำงานร่วมกันยังเหมือนเดิม
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวต่อไปว่า ขอให้ทุกคนทุกพรรคทำเพื่อบ้านเมือง จะดำเนินนโยบายอะไรต้องบอกที่มาของงบประมาณ เช่น บางนโยบายใช้งบประมาณ 9 แสนล้านบาท ถามว่าจะเอาเงินมาจากไหน จะดึงจากหน่วยงานอื่นมาทั้งหมดใช่หรือไม่ ซึ่งทำให้หน่วยงานเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรได้ และเป็นอันตรายยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นต้องชั่งน้ำหนักให้ดี
ระหว่างนั่งรอผู้สมัครจับหมายเลข ตนได้พูดคุยกับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันตามปกติ โดย พล.อ. ประยุทธ์ระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งกัน แค่ท่านทำของท่าน ตนทำของตน วันนี้เราอยู่คนละพรรคแล้ว ไม่ต้องคิดว่ารวมกันวันหน้าหรือไม่ วันนี้ตนแยกมาแล้วก็คือแยก แค่ลำพังพรรคตนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
“ส่วนที่หลายคนมองว่า ที่ผมมาสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อให้เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างสง่างามนั้น ใครจะมองอย่างไรก็เรื่องของเขา แต่ในส่วนของผมอยากให้โอกาสคนอื่นขึ้นมาเป็นบ้าง อย่างปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 เป็นชื่อของ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ถ้าผมไม่อยู่ก็จะได้มีคนมาสานต่อตรงนี้ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าผมมีภาระและบทเรียนที่เคยทำมาแล้วทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎร” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว