วานนี้ (12 พฤษภาคม) เวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบปะชุมชนไทยในสหรัฐอเมริกา ณ กรุงวอชิงตัน ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐฯ (สมัยพิเศษ)
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้อยู่ท่ามกลางคนไทยด้วยกัน ซึ่งคนไทยเรามีคติว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนคนไทยต้องรักกัน ตนอยากจะมาพบอยากจะมาพูดคุย สิ่งสำคัญที่สุดคือเป็นกำลังใจให้กับนายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ ต้องไปสู้อีกหลายการประชุม และจะไปพูดคุยว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าให้ได้
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนอยากฝากด้วยว่า ทุกคนเป็นตัวแทนของคนไทยในต่างประเทศ เพราะฉะนั้นต้องทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินเกิดของท่าน รวมไปถึงหน้าที่ที่มีต่อประเทศของท่านในเวลานี้ ที่มาอยู่ที่นี่อาจจะเป็นสัญชาติอะไร แต่สิ่งสำคัญคือลูกหลานจะทำอย่างไรให้ไม่ลืมบ้านเกิดของเรา ไม่ลืมบ้านเกิดของต้นตระกูล วันนี้จะเห็นว่าหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะ โลกปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด การทำงานก็ไม่ได้ง่ายนัก สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการที่จะเสพหรืออ่าน หรือเชื่ออะไรก็แล้วแต่
“ผมเข้ามาทำงานอยู่หลายปี ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาอย่างอดทน อดทนเพื่อให้ทุกอย่างมันดีขึ้น แต่สุดแล้วแต่ว่าประชาชนจะว่าอย่างไร แต่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยจะต้องไม่ทุจริต ไม่แสวงหาผลประโยชน์ ไม่ทำอะไรที่ผิด นี่คือเป้าหมายของผมว่า ผมทำเพื่อใคร เพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อผม เพื่อตระกูลผม หรือเพื่อใครสักคนเลย ผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว รับราชการมาจนเกษียณอายุราชการด้วยความภาคภูมิใจของผม และหลังจากนั้นก็กลายมาเป็นนักการเมืองโดยจำเป็น ก็สุดแล้วแต่” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ตนเดินทางมาประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ หลายคนก็จับตาว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีจะมาพูดอะไร จะไปอยู่ข้างไหน จะไปอยู่อะไรกับใคร เราจะไปอยู่ข้างใครก็ต้องทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรประเทศของเราจะไม่เสียหาย แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพกติกาของเขาด้วย นั่นคือหลักการของเรา ไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ต้องว่าไปตามหลักการ นอกจากนี้ในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เราเดินทางมาร่วมประชุมในเรื่องนี้ รวมไปถึงมีความสัมพันธ์ร่วมกันกว่า 200 ปี ถือเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ซึ่งประเทศไทยไม่เคยทำกับใครในโลกใบนี้ มีแต่ไทยกับสหรัฐฯ ที่ถือว่าได้สิทธิประโยชน์เท่าเทียมคนไทยทุกคน นั่นคือความเป็นมาของเรา โดยการประชุมจะมีการหารือในหลากหลายมิติ ทั้งเรื่องการค้าการลงทุน การฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด เศรษฐกิจดิจิทัล และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งจะได้พบปะกับผู้นำอาเซียน และผู้นำสหรัฐฯ รวมถึงอีกหลายหน่วยงาน
“สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรจะดูแลประชาชนคนไทยให้ดีที่สุดทั้งในและต่างประเทศ ถ้าในประเทศก็พอได้ แต่ถ้าเป็นต่างประเทศก็ต้องเจรจากันมากหน่อย บางทีในประเทศยังเจรจากันไม่รู้เรื่องเลย เพราะว่ามีปัญหากับคน ทำไมเขาถึงเรียกว่าคนรู้หรือไม่ ทำไมเขาถึงเรียกคำว่ามนุษย์คือคน คือคนใส่ไปในหม้อ คนมั่วไปหมด คือเละไปหมด ความคิดแตกต่างตนห้ามใครไม่ได้ แต่ต้องมีภูมิต้านทานในการที่จะเสพจะฟังจะเชื่อจะอ่าน ยอมรับว่าผมนั่งอ่านทั้งหมด เช้าขึ้นมาเปิดขึ้นมาด่าผมครึ่งหนึ่ง ผมก็สบายใจของผม ไม่มีอะไรด่าก็ด่า เพราะผมไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า ไอ้สิ่งที่ผมทำไม่เห็นชมผมเลย ไม่ได้ต้องการรับคำชมเชย แต่ต้องการให้เห็นว่าประเทศไทยเจริญขึ้นมาอย่างไร” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
พล.อ. ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ขอย้ำว่าการแก้สถานการณ์โควิด วันนี้ประเทศไทยได้รับความชื่นชมเป็นลำดับต้นๆ ของโลก บางอย่างอันดับ 1 ของโลก แต่ในประเทศด่าตนเรื่อย ด่าทุกวัน ด่าว่าไม่ห้ามโน่นห้ามนี่ ซึ่งหากไม่กำกับดูแลจะปลอดภัยแบบนี้หรือไม่ จะลดยอดการติดเชื้อเหลือ 10,000 คนได้หรือไม่ จากช่วงแรกๆ ขึ้นมาวันละหลายหมื่น ย้ำว่าไม่มีอะไรที่ทุกคนพอใจ แต่ทำให้มากที่สุดให้ดีที่สุด นั่นคือนโยบายของตน ซึ่งหลายคนตั้งคำถามว่าทำไมนายกฯ ต้องประกาศเอง นายกฯ ไม่ใช่หมอ แต่นายกฯ เป็นผู้บริหาร ถ้าให้หมอทำคนเดียวเขาทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะเขาสั่งทหารไม่ได้ สั่งเจ้าหน้าที่มหาดไทยไม่ได้ พอตนบูรณาการตรงนี้ก็หาว่าเผด็จการไปอีก ทั้งที่ทุกประเทศทำแบบนี้หมด อยากจะบอกว่าเขาเลียนแบบตนด้วยซ้ำไป
พล.อ. ประยุทธ์ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการจัดงานประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤศจิกายนนี้ อยากให้คนไทยเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งตนห่วงเรื่องความรักความสามัคคี และจะเอาทุกคนในวันนี้ไปชมที่เมืองไทยด้วย ว่าต่างประเทศเขาน่ารักนั่งกันเรียบร้อย ยิ้มหวานนิ่ง
ก่อน พล.อ. ประยุทธ์จะกล่าวติดตลกว่า “โห กรุงเทพฯ พร้อมตีกันทั้งวัน คือฟังวิทยุก็โมโหแล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งนั้น นี่คือปัญหาที่ทุกประเทศเจอทั้งหมด ถามทุกประเทศแล้ว เพราะนี่คือช่องทางสื่อสารใหม่ที่ใครก็เป็นนักข่าวได้ เป็นตำรวจได้ เป็นอะไรก็ได้หมดเลย แสดงความคิดเห็นได้ทั้งหมด แล้วคนก็เชื่อตามไป คนทำงานแทบตายผิดหมด เราต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี ยอมรับว่าคนไม่ดีก็มี นายกฯ ก็ปลดทิ้งไล่ออกไปเยอะแล้ว มันก็ต้องมีทุกคนคนดีคนชั่ว ไม่ดีก็ไม่เอาไว้ ถ้าตราบใดผู้นำเราไม่ทุจริต ทำได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นนายกฯ ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ใครจะว่า ใครจะไล่ ไล่ได้ก็ไล่ไป แต่ที่อยู่วันนี้ต้องการทำให้ดีที่สุด”
ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรีได้สอบถามประชาชนว่า ได้กลับไปเยี่ยมประเทศไทยบ้างหรือไม่ ลืมทางเข้าบ้านแล้วหรือยัง อย่าลืมแผ่นดินเกิด แผ่นดินที่นี่คือแผ่นดินหากิน แล้ววันหน้าจะอยู่ที่ไหนก็เรื่องของท่าน ลูกหลานตนเคยเจอเด็กๆ ที่กลับไปเยี่ยมเมืองไทย พูดไทยได้รำไทยได้ อย่างน้อยก็ไม่ลืมชาติกำเนิด ทุกประเทศเขาปลูกฝังอย่างนี้มาทั้งสิ้น ขออย่าไปฟังไอ้พวกไม่มีชาติ หลายคนบอกไม่ต้องมี มันไม่ได้ ทุกคนก็รู้อยู่ ตนไม่ทะเลาะกับเขา
