ความเคลื่อนไหวในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 3 (The 3rd Mekong River Commission Summit) ณ จังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา
สำหรับการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 3 มีผู้นำจากประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission: MRC) ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว และเวียดนาม และรัฐมนตรีจากประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีนและเมียนมา รวมถึงผู้แทนรัฐบาลประเทศหุ้นส่วนการพัฒนาและองค์การระหว่างประเทศ
การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมระดับผู้นำของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ที่มีกำหนดจัดขึ้นทุก 4 ปี เพื่อเป็นเวทีสำคัญด้านทรัพยากรน้ำระดับภูมิภาค ในการหารือและกำหนดนโยบายความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องในลุ่มน้ำโขง
โดยวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศสมาชิกจะร่วมแสดงจุดยืนร่วมกันในการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538 และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals)
และเพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือกับประเทศในลุ่มน้ำโขงตอนบน ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา รวมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) และกรอบความร่วมมืออื่นๆ ในภูมิภาครวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับหุ้นส่วนการพัฒนาต่อแนวความร่วมมือของ MRC และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ และการประยุกต์สำหรับการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขงร่วมกับลุ่มน้ำนานาชาติอื่นๆ
ประเด็นสำคัญที่นายกรัฐมนตรีจะผลักดันในการประชุมครั้งนี้ เช่น ผลักดันความร่วมมือการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติจากภาวะน้ำแล้ง น้ำท่วม และคุณภาพน้ำ เสริมสร้างบทบาทการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงให้เป็นศูนย์กลางความรู้ด้านทรัพยากรน้ำและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง การใช้ทรัพยากรน้ำเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยพัฒนาสู่การเป็นเวทีด้านการทูตเรื่องน้ำของภูมิภาค
สำหรับผลของการประชุมฯ ผู้นำรัฐบาลประเทศสมาชิกจะรับรองปฏิญญาเสียมราฐ ค.ศ. 2018 ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์เชิงนโยบายของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ในการมุ่งเน้นการดำเนินงานตามพันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2538 มีสาระสำคัญ คือ การเพิ่มพูนความพยายามและความเป็นหุ้นส่วนของประเทศสมาชิกในการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของลุ่มแม่น้ำโขง โดยไม่มีการลงนามและไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ