วันนี้ (17 พฤศจิกายน) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ต้อนรับผู้นำ 3 เขตเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมทั้งหารือทวิภาคี ในโอกาสเดินทางเข้าร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) และในฐานะแขกพิเศษของประเทศไทย
เวลา 11.30 น. ต้อนรับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือกันในหลายประเด็น ทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นและเกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับความร่วมมือที่สำคัญร่วมกันว่าด้วยเรื่องทำความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางราชการไทย-ฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีขอให้ฝรั่งเศสเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวให้มีความคืบหน้า ซึ่งจะช่วยให้การเดินหน้าความสัมพันธ์เป็นไปด้วยความสะดวก โดยประธานาธิบดีฝรั่งเศสพร้อมเร่งรัดการดำเนินการ คาดว่าภายในเดือนมกราคม 2566 จะมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยินดีกับความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง และเห็นพ้องกันว่าทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกันได้อีกมาก โดยรัฐบาลไทยได้ปรับนโยบายที่เน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งสอดคล้องกับแผนปฏิรูปสีเขียวของสหภาพยุโรป (EU)
รวมถึงนายกรัฐมนตรีขอให้ฝรั่งเศสสนับสนุนการรื้อฟื้นการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-EU ด้วยเช่นกัน ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสพร้อมสนับสนุนนโยบายระหว่างไทยกับ EU และพร้อมผลักดันการรื้อฟื้นการเจรจา FTA ไทย-EU อย่างแข็งขัน
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรีมอบเอกสารแถลงการณ์แสดงเจตจำนงเข้าร่วมข้อริเริ่ม Preventing Zoonotic Disease Emergence (PREZODE) เพื่อสร้างเครือข่ายนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในการศึกษาและป้องกันโรคติดต่อระหว่างสัตว์กับคน (Zoonotic Disease) ด้วย
จากนั้นเวลา 16.00 น. นายกรัฐมนตรีต้อนรับ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในโอกาสเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุม APEC พร้อมหารือทวิภาคีว่า ผู้นำทั้งสองต่างยินดีในโอกาสครบรอบ 135 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในปีนี้ และการครบรอบ 10 ปีของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ที่ถือเป็นอีกก้าวสำคัญทางความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ ไทยและญี่ปุ่นยังได้ยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อพัฒนา ‘หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน’ อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ ประชาชน และภูมิภาค ซึ่งการลงนามและประกาศใช้แผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่นในระยะ 5 ปี จะยิ่งช่วยสนับสนุนการพัฒนาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านต่อไป
อีกทั้งไทยพร้อมเป็นหุ้นส่วนกับญี่ปุ่นในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน และส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจพลังงานคาร์บอนต่ำ ซึ่งญี่ปุ่นพร้อมพิจารณาใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของอาเซียนด้วย โดยญี่ปุ่นยังได้กล่าวเสนอเพิ่มพูนความร่วมมือธุรกิจ Start-up ของทั้งสองประเทศด้วย
ต่อมาเวลา 17.15 น. นายกรัฐมนตรีให้การต้อนรับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ในโอกาสเยือนประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุม APEC ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเช่นเดียวกัน พร้อมหารือทวิภาคีที่มีประเด็นสำคัญดังนี้
ไทยพร้อมสนับสนุนการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-แคนาดา ให้สำเร็จโดยเร็ว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เชื่อมโยงห่วงโซอุปทาน สร้างความเชื่อมั่นและเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและประชาชนของทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีแคนาดายินดีที่ได้ทราบว่าสายการบิน Air Canada จะเปิดเส้นทางบินตรงระหว่างเมืองแวนคูเวอร์-กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) ในเร็วๆ นี้ ซึ่งถือเป็นการเปิดเส้นทางระหว่างอเมริกาเหนือและประเทศไทย
ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน รัฐบาลจะเปิดทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งให้การต้อนรับ เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย ในโอกาสเป็นแขกพิเศษของรัฐบาลในการประชุม APEC ในวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้