วันนี้ (11 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรบอกให้ตัดชื่อคนนอก แต่ฝ่ายค้านไม่ยอมว่า ก่อนหน้านี้มีการเปิดประเด็นว่า ญัตติบางญัตติใส่ชื่อคนนอกได้ จึงขอชี้แจงว่าญัตติที่มีการกล่าวอ้างมีความแตกต่างกัน เพราะญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นเป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แต่ญัตติที่ รังสิมันต์ โรม สส. พรรคประชาชน อ้างถึงเป็นญัตติทั่วไปตามข้อบังคับที่ 51 ซึ่งเป็นญัตติขอจัดตั้งคณะกรรมการวิสามัญในการพิจารณาเรื่องรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน และไม่มีลักษณะกล่าวหาใคร
แต่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นญัตติกล่าวหาผู้อื่น ซึ่งในญัตติบอกว่าให้อภิปรายรัฐมนตรีรายบุคคล หรือรัฐมนตรีทั้งคณะ ไม่ได้ให้อภิปรายบุคคลภายนอก เขียนไว้ชัดเจน เพราะฉะนั้นการที่เอารายชื่อบุคคลภายนอกเข้ามารวมในญัตติจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะบุคคลภายนอกไม่มีโอกาสที่จะมาตอบ และต่อสู้สิ่งที่ได้รับความเสียหาย
ส่วนเรื่องที่ฝ่ายค้านกล่าวว่าประธานรัฐสภาไม่มีสิทธิที่จะพิจารณารายละเอียดของญัตติ ประเสริฐยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะประธานรัฐสภาสามารถพิจารณาความเหมาะสม ข้อความรายละเอียดในญัตติได้ ถ้าประธานพิจารณาไม่ได้ ตนคิดว่าในสภาก็คงมีการประท้วงกัน และเกิดเป็นญัตติที่ไม่มีความเหมาะสม ซึ่งจะเกิดความเสี่ยงอย่างมาก จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้นำฝ่ายค้าน ว่าให้มีการแก้ไข ไม่ใช่จะเสนอเขียนญัตติอะไรมาก็ได้ ตนจึงเห็นว่าข้อวินิจฉัยของประธานที่แจ้งไปยังฝ่ายค้าน มีความชอบธรรมเป็นไปตามข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญถูกต้องแล้ว จึงอยากให้ฝ่ายค้านทำตามคำแนะนำของประธานสภา เพราะการยื่นญัตติครั้งนี้ถือมีความสำคัญ จะได้ดำเนินการอย่างถูกต้องต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ท้ายที่สุดแล้วต่างคนต่างไม่ยอม พรรคเพื่อไทยจะได้หรือเสีย ประเสริฐกล่าวว่า การซักฟอกต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือหนึ่งเรื่องการเสนอญัตติ และสองการอภิปราย เมื่อขั้นต้นการเสนอญัตติไม่ถูกต้อง จะกล่าวว่ารัฐบาลหนีการอภิปรายไม่ได้ เพราะจริงๆ การแก้ญัตติไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งการอภิปรายมีข้อบังคับเขียนไว้ชัดเจน บอกว่าห้ามไม่ให้กล่าวถึงผู้อื่นที่เป็นบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็น ฉะนั้นถ้าแก้ตามที่ประธานสภาแนะนำก็จะจบ เหตุใดต้องทำให้เป็นประเด็นด้วย จึงอยากให้ฝ่ายค้านได้อภิปรายโดยเอาเนื้อเป็นหลัก อย่าเอาเรื่องที่ประธานวินิจฉัยแล้วไปเป็นประเด็น และอ้างเหตุให้ผู้อื่นเสียหาย ย้ำว่าไม่ควรเอาชื่อใส่ในญัตติ
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้ามายุ่งเองจนถือเป็นคนในไปแล้วนั้น ประเสริฐกล่าวว่า “เป็นเรื่องที่ท่านคิดเองเออเอง”