วันนี้ (6 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา ภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 กล่าวถึงข้อวิจารณ์หลัง สำนักงานสภาผู้แทนราษฎรได้ของบประมาณปี 2569 ในการปรับปรุงพื้นที่ต่างๆ ของรัฐสภาหลายรายการ มูลค่าเกือบ 1,200 ล้านบาท โดยระบุว่า ขอชี้แจงเฉพาะส่วนที่รับผิดชอบ มีแค่ 3 โครงการ คือ โครงการปรับปรุงห้องสมุด โครงการปรับปรุงพิพิธภัณฑ์รัฐสภา งบประมาณ 120 ล้านบาท และโครงการปรับปรุงระบบเสียงห้องประชุมจำนวน 1,500 ที่นั่ง งบประมาณ 99 ล้านบาท โดยยืนยันว่า ทุกการใช้งบประมาณจะคุ้มค่ากับเงินภาษีของพี่น้องประชาชน และจะกำกับดูแลทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง
สำหรับพิพิธภัณฑ์รัฐสภา มีความตั้งใจที่จะทำให้เป็นพื้นที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของอาคารรัฐสภา และให้ประชาชนเข้ามาศึกษาเรียนรู้ได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่า มีความจำเป็น เพราะขณะนี้ มีพื้นที่ว่างไว้จัดทำแล้ว 5,000-6,000 ตารางเมตร
ส่วนที่ฝ่ายค้านนิยามว่าห้องพิพิธภัณฑ์เป็นเพียงสุสานที่อยู่ใต้อาคารรัฐสภานั้น ภราดรกล่าวว่า เห็นด้วย เพราะหลังจากรับมอบอาคารมา เมื่อกลางปี 2567 พื้นที่ดังกล่าวก็เป็นเพียงห้องเปล่าที่ไม่สามารถใช้งานได้ จึงสั่งการให้ฝ่ายที่รับผิดชอบเร่งออกแบบ ให้เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิต และประชาชนสามารถเข้าใช้งานได้จริง ส่วนตัวก็ไม่อยากเห็นสุสานใต้สภาเช่นกัน
ส่วนห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง ที่ชั้น B2 นั้น ภราดรกล่าวว่า มีความตั้งใจจะจัดทำเป็นห้องอบรมสัมมนาสำหรับกรรมาธิการทุกคณะ ของทั้ง 2 สภา ซึ่งเป็นแผนเดิมที่ต้องมีตั้งแต่ก่อสร้างรัฐสภาแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ จึงมีความจำเป็นต้องของบประมาณมาจัดทำให้แล้วเสร็จ ดีกว่าปล่อยให้เป็นห้องร้าง ใช้ประโยชน์ไม่ได้ และยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายของกรรมาธิการด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการจะต้องเสียเงินไปเช่าพื้นที่โรงแรมในการจัดอบรมสัมมนา ซึ่งงบประมาณที่จะใช้จัดทำ ก็ปรับลดลงมาเหลือ 99 ล้านบาทแล้ว จากเดิมสำนักประชาสัมพันธ์เสนอของบมาที่ 160-170 ล้านบาท
ภราดรยังบอกอีกว่า ทุกโครงการที่ของบประมาณไปนั้น เป็นเพียงแค่ร่างงบประมาณปี 2569 เท่านั้น ยังไม่ได้เป็นที่สิ้นสุด ขอเมื่อเข้าสู่ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 1 สิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ก็จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งมีทั้ง สส. และบุคคลภายนอกเข้ามาทำหน้าที่พิจารณาลงลึกในรายละเอียด หากเห็นว่าในโครงการหนึ่งโครงการใดไม่คุ้มค่า ก็มีสิทธิ์ที่จะปรับลดงบประมาณในทุกโครงการ จึงขอเรียนให้ประชาชนสบายใจว่า การของบประมาณยังไม่เสร็จสิ้น
ส่วนเหตุใดอาคารรัฐสภาที่เพิ่งก่อสร้างมาได้ประมาณ 5 ปี จึงต้องใช้งบประมาณในการปรับปรุงจำนวนมาก ภราดรชี้แจงว่า เมื่อได้ใช้งานมาสักระยะหนึ่ง ประธานสภาผู้แทนราษฎรเห็นว่า ยังมีพื้นที่ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น และมีบางส่วนยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ก็ควรดำเนินการให้แล้วเสร็จ เช่น ห้องประชุมสัมมนา 1,500 ที่นั่ง มีแผนแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำ เพียงแต่เตรียมสถานที่ไว้สำหรับดำเนินการในระยะ 2 และ 3 ต่อไป
สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นั้น ทำให้รัฐสภาถูกวิจารณ์ ภราดรมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนตื่นรู้กับการใช้จ่ายงบประมาณของทุกหน่วยงานราชการ ทำให้ทุกหน่วยงานต้องยิ่งตระหนักว่า งบประมาณทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินภาษีของประชาชน
ภราดรยังชี้แจงในประเด็นที่ขณะนี้อยู่ในช่วงการรับประกันการก่อสร้างอาคารรัฐสภา ว่างบประมาณที่ขอไปไม่ใช่งบซ่อมสร้าง แต่เป็นงบต่อเติม เพราะยังมีส่วนที่ยังไม่ได้ดำเนินการ และต้องทำต่อในระยะ 2 และ 3 โดยการก่อสร้างเป็นเพียงการเตรียมพื้นที่เอาไว้เพื่อรองรับการดำเนินการในอนาคต