วานนี้ (16 พฤษภาคม) ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ภายหลังจากที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพรรคพลังประชารัฐที่ 15/2568 แต่งตั้งทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ อย่างเป็นทางการ อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17 (1) ทั้งนี้ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐโดย ประกอบไปด้วย
- ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรค เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
- มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค เป็นรองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
- อัคร ทองใจสด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.เพชรบูรณ์ เขต 6 เป็นทีมเศรษฐกิจ
- พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส. จ.เพชรบูรณ์ เขต 1 เป็นทีมเศรษฐกิจ
- บุณณดา สุปิยะพันธุ์ สมาชิกพรรค เป็นทีมเศรษฐกิจ
- ดร.มนูญ พรหมลักษณ์ เป็นทีมเศรษฐกิจ
สำหรับทีมเศรษฐกิจจะทำหน้าที่ติดตามการทำงาน วิเคราะห์นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมทั้งติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในและนอกประเทศ ที่จะนำไปสู่การวางแนวทางในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ที่จะนำไปสู่การแถลงจุดยืนของพรรค การตอบโต้ในแต่ละประเด็นให้ประชาชนได้รับทราบ ทักท้วงนโยบายที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศผ่านกลไกรัฐสภาและสื่อสารมวลชน รวมทั้งปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรค นำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของพรรคต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งบุคลากรของพรรคล้วนเป็นคุณภาพพร้อมทำงานด้านเศรษฐกิจได้ทันที
ไพบูลย์กล่าวย้ำว่า พล.อ. ประวิตร มีความเป็นห่วงในสถานการณ์ของเศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวนจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกและประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะกระทบต่อการส่งออก ยังไม่รวมถึงปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำอย่างหนัก ที่รัฐบาลเพิกเฉยและไม่ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรเลย ที่สำคัญคือปัญหาระหว่างพรรคร่วมของรัฐบาลภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร ที่มีความขัดแย้งจนหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะมีการคว่ำงบประมาณและยุบสภาในอนาคตอันใกล้ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อรัฐบาลไทย
“พปชร. จึงได้เฟ้นหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ มาทำหน้าที่ทีมเศรษฐกิจ คอยติดตามสถานการณ์การบริหารราชการด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อนำไปสู่การเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ โดยทีมเศรษฐกิจของพรรค พปชร. ล้วนเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ เป็นบุคลากรที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในสนามเศรษฐกิจจริงมาแล้ว มีผลงานในอดีตเป็นที่ประจักษ์ โดยธีระชัย เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ดร. มล.กรกสิวัฒน์ ก็มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานและหลายๆ เรื่อง มาผสมกับคนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ สามารถสะท้อนปัญหาได้อย่างครอบคลุม และพร้อมที่จะเดินหน้าตรวจสอบการบริหารประเทศของรัฐบาลด้วย” ไพบูลย์กล่าว