หุ้น บมจ.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช หรือ หุ้น PQS เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) เป็นวันแรก ราคาเปิดการซื้อขายที่ 12 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท หรือ 100% จากราคาจองซื้อ IPO ที่ 6 บาท โดยในช่วง 15 นาทีแรกของการซื้อขาย ราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 14 บาท บวก 133.33% จากราคา IPO
PQS ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง (Native Starch) และแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Starch) ภายใต้ตราสินค้า PQS และ TWO CRANE โดยจำหน่ายสินค้าให้ผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารเป็นหลักเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว ซอสปรุงรส และสารให้ความหวาน รวมถึงอุตสาหกรรมแปรรูปอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหาร เช่น อุตสาหกรรมกระดาษ สิ่งทอ ยารักษาโรค
นอกจากนี้ PQS ยังประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ (Biogas) โดยนำวัสดุเหลือใช้ทางเกษตรจากกระบวนการผลิตแป้งมันสำปะหลังมาผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่กลุ่มบริษัท และสนับสนุนแนวคิดระบบเศรษฐกิจสีเขียว
PQS เข้าซื้อขายใน SET ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยมูลค่าระดมทุน 1,020 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,020 ล้านบาท
PQS มีทุนชำระแล้วหลังการเสนอขาย 670 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม จำนวน 500 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 170 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 170 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 11.85 เท่า โดยคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ซึ่งเท่ากับ 339.24 ล้านบาท
โดยมีบริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
รัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะนำมาใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับการขยายกำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลัง ก่อสร้างโรงไฟฟ้า Biogas ส่วนเพิ่มเติม ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
PQS มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน สภาพคล่อง แผนการขยายธุรกิจ ความจำเป็นและความเหมาะสมอื่นใดในอนาคต และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หลัง IPO บริษัทจะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ กลุ่มครอบครัวชาญจึงถาวร ถือหุ้น 46% และกลุ่มครอบครัวธวัชชุติกร ถือหุ้น 20%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คัดมาให้ 9 หุ้น SETHD ปันผลเกิน 3.50% ต่อเนื่องติดกัน
- 8 อันดับหุ้นกลุ่มน้ำมันสุดแกร่ง ผลตอบแทนราคา YTD ปี 65 ยังบวก
- หุ้น AURA พุ่งแรง! เข้าเทรดใน SET วันแรกด้วยราคาเปิดที่ 13.90 บาท เพิ่มขึ้น 27.52% จากราคา IPO