“มันไม่ได้อยู่ที่คนดูอย่างเดียว มันอยู่ที่คนซื้อโฆษณาด้วย”
สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ PPTV HD ช่อง 36 ประกาศเดินหน้าคอนเทนต์บันเทิงเต็มรูปแบบ ดึงรายการประกวดร้องเพลงชื่อดัง The Voice Thailand 2018 พร้อม The Voice Kids สำหรับเวทีเด็ก และ The Voice Senior สำหรับเวทีของผู้สูงวัย ด้วยเงินลงทุนถึง 500 ล้านบาท สำหรับสิทธิ์ในการออกอากาศเป็นเวลา 3 ปี คาดว่าจะลงผังช่วงไพรม์ไทม์คือ 20.00-22.00 น. ในช่วงวันธรรมดา ซึ่งจะแตกต่างจากผังช่องเก่าที่อยู่ช่วง 18.20 น.
ผู้บริหาร PPTV ยอมรับว่า แม้เรตติ้งอาจจะไม่สูงเท่ากับช่องเดิม และส่งผลให้ราคาขายโฆษณาปรับลดลงบ้าง แต่เชื่อว่าสีสันของ The Voice ที่ PPTV จะช่วยสร้างกระแส และปรับภาพลักษณ์ ‘Global Content’ ให้กับช่องได้ โดยอาจจะเปลี่ยนตัวโค้ชบางคน เพื่อทำให้รายการดูสนุกขึ้น
นอกจากนี้ยังมีหลายรายการที่เจรจากับทาง ‘กันตนา’ โดยเฉพาะ The Face Thailand ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ขณะนี้มีรายการ The Face Men Thailand 2 รายการแข่งขันเพื่อค้นหาสุดยอดนายแบบที่เตรียมออกอากาศวันที่ 7 ต.ค.นี้
สำหรับช่อง PPTV ในปัจจุบัน ฐานคนดูส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่สัดส่วน 60% และผู้หญิง 40% ขณะที่ราคาขายโฆษณาเริ่มต้นที่นาทีละ 1 หมื่นบาท ไปจนถึงช่วงยอดนิยมอย่างการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่ขายได้นาทีละ 3 แสนบาท ซึ่งปีนี้จะเป็นซีซันสุดท้ายที่ PPTV จะถ่ายทอด ส่วนการต่อสัญญาหรือไม่ ขึ้นกับเงื่อนไขของการประมูลครั้งต่อไปโดยเจ้าของลิขสิทธิ์ใหม่ ซึ่งยังไม่เผยรายละเอียดมาในขณะนี้
สุรินทร์ประกาศชัดเจนว่า รายได้หลักของ PPTV จากนี้ต่อไปจะเป็นคอนเทนต์บันเทิง จากปัจจุบันที่คอนเทนต์ส่วนใหญ่ยังเป็นกีฬาถึง 60% และข่าว 20% โดยแผนลงทุนในปี 2562 ยังจะใช้งบประมาณใกล้เคียงเดิมคือ ระดับพันล้านบาท แต่จะปรับสัดส่วนการซื้อคอนเทนต์ให้หลากหลายขึ้น ส่วนของกีฬาจะหลากหลายขึ้น ทั้งการแข่งขัน Moto GP หรือ Tennis Grand Slam ที่จะเพิ่มเข้ามา ขณะที่รายการประเภท Home Shopping หรือซีรีส์อินเดียยังไม่สนใจในขณะนี้
สำหรับผลประกอบในปีนี้คาดว่าจะยังขาดทุนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนในการซื้อคอนเทนต์ยังอยู่ในระดับที่สูง แต่ยังตั้งเป้าที่จะติดอันดับ 6-10 ของทีวีดิจิทัล และพาธุรกิจไปถึงจุดค้มทุน (Break-Even Point) ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ล่าสุด PPTV ร่วมกับสมาคมทีวีดิจิทัล และสมาคมวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อ (ประเทศไทย) หรือ MRDA เข้าหารือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องการศึกษาเพื่อพัฒนาการจัดอันดับเรตติ้งรูปแบบใหม่ที่เหมาะสมกับการบริโภคสื่อที่มีหลากหลายแพลตฟอร์มในปัจจุบัน โดยต้องการเงินสนับสนุนจาก กสทช. 200 ล้านบาท เพื่อมาสมทบ ซึ่งมูลกว่าของโครงการมากกว่า 1 พันล้านบาท
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล