วันนี้ (7 พฤษภาคม) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) ได้เห็นชอบหลักการโครงการท่าเทียบเรือ B1 และ B2 ท่าเรือแหลมฉบังของการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost มูลค่าโครงการรวม 12,819 ล้านบาท ซึ่งเอกชนจะรับผิดชอบการปรับปรุงสิ่งปลูกสร้าง ลงทุนจัดหาอุปกรณ์ เครื่องมือและเทคโนโลยีสำหรับการยกขนสินค้า ตลอดจนรับผิดชอบในการดูแลบำรุงรักษา และบูรณะสิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร รวมถึงการบริหารจัดการโครงการ
ทั้งนี้ โครงการเป็นการควบรวม 2 ท่าเทียบเรือเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความยาวหน้าท่าเป็น 659 เมตร ซึ่งทำให้รองรับเรือได้เพิ่มขึ้นและยืดหยุ่นมากขึ้น ใช้ประโยชน์จากความยาวหน้าท่าได้มากขึ้นโดยไม่ต้องขุดร่องน้ำลึกเพิ่ม รวมทั้งเพิ่มพื้นที่ลานเทกองตู้ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถ (Capacity) ในการรองรับตู้สินค้า ลดต้นทุนการดำเนินงานขนส่งของผู้ประกอบการจากการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) และช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์ในท่าเทียบเรือข้างต้นได้อย่างเต็มที่และยืดหยุ่นมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งช่วยกระตุ้นการลงทุนและผลักดันไทยให้เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนี้ โครงการจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศในระยะยาว มุ่งสู่การเป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค