บรรดาเหล่ามหาเศรษฐีในสหรัฐฯ ต้องสูญเสียความมั่งคั่งรวมกันสูงถึง 7.8 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 2.7 ล้านล้านบาท หลังจากที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ใช้เวลาเพียงแค่ 8 นาที กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่ Jackson Hole แสดงจุดยืนว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป จนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อสยบลงและกลับเข้าสู่เป้าหมาย
ดัชนีหุ้นของสหรัฐฯ พร้อมใจกันปรับลดลง โดยดัชนี Dow Jones ปรับตัวลดลงมากกว่า 1,000 จุด หรือ 3.03% สู่ระดับ 32,283.40 จุด ขณะที่ S&P 500 ลดลง 3.37% มาอยู่ที่ 4,057.66 จุด ส่วน Nasdaq Composite ลดลง 3.94% มาอยู่ที่ 12,141.71 จุด
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ดัชนีหุ้นที่ปรับลดลงได้ส่งผลให้ความมั่งคั่งของบรรดาอภิมหาเศรษฐีของสหรัฐฯ ลดลงตามไปด้วย โดย อีลอน มัสก์ ซีอีโอของ Tesla และ เจฟฟ์ เบโซส์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบริษัท Amazon เป็นสองคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการที่ราคาหุ้นของ Tesla และ Amazon รวมถึงบริษัทเทคอื่นๆ เช่น Microsoft และ Alphabet ปรับลดลงกว่า 4%
ข้อมูลของ Bloomberg ระบุว่า เบโซส์ต้องสูญเสียความมั่งคั่งไปถึง 6.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.4 แสนล้านบาท ส่วนมัสก์ก็ร่ำรวยลดลงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.9 แสนล้านบาท ขณะที่มหาเศรษฐีคนอื่นๆ เช่น บิล เกตส์ และ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็มีความมั่งคั่งลดลงที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์ และ 2.7 พันล้านดอลลาร์เช่นกัน
โดยความผันผวนของตลาดหุ้นในปีนี้ได้ส่งผลให้ความร่ำรวยของกลุ่มมหาเศรษฐี 500 คนอันดับแรกของโลกในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ปรับลดลงรวมกันไปแล้วถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์
อ้างอิง:
