วันนี้ (6 มกราคม) พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์สุขภาพของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มักใช้ช่วงเวลาสำคัญนี้เดินทางไปพบปะครอบครัวและญาติมิตร รวมทั้งมีกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการสร้างสุขภาพที่ดีและกิจกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
โดยเฉพาะงานเลี้ยงสังสรรค์ที่เต็มไปด้วยอาหารทอด ขนมหวาน เครื่องดื่มต่างๆ การกินอาหารในปริมาณที่มากเกินไปทั้งในงานเลี้ยงฉลอง อาหารของฝาก กระเช้าของขวัญปีใหม่ที่มักประกอบไปด้วยเค้ก คุกกี้ ช็อกโกแลต อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มสำเร็จรูปต่างๆ ที่ให้พลังงานมาก หากกินมากเกินไปจะส่งผลให้มีน้ำตาลในเลือด ไขมันสะสม น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น มีภาวะอ้วน และเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะ Post-Vacation Depression หรือภาวะซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว ซึ่งเป็นสภาวะทางอารมณ์ที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะทำให้รู้สึกหดหู่ เศร้าหมอง คงอยู่ 2-3 วัน แต่ในบางรายอาจยาวนานถึง 2-3 สัปดาห์ จนกระทบต่อการใช้ชีวิต อาการสำคัญที่พบ ได้แก่ ภาวะเหงา ซึมเศร้า เหนื่อยล้า ขาดแรงจูงใจ และรู้สึกหมดพลัง หมดไฟในการทำงาน
พญ.อัมพร กล่าวต่อว่า กรมอนามัยมีความห่วงใยสุขภาพประชาชนหลังจากวันหยุดยาว จึงแนะนำ 5 เทคนิคในการปรับตัว เพื่อให้กลับมาทำงานหรือใช้ชีวิตปกติหลังเทศกาลปีใหม่ ดังนี้
- ประชาชนควรดูแลสุขภาพ โดยควบคุมน้ำหนักของตนเองให้อยู่ในเกณฑ์ปกติด้วยสูตร 2:1:1 โดยแบ่งจานอาหารออกเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กัน 2 ส่วนแรกเป็นผักสดหรือผักสุกมากกว่า 2 ชนิดขึ้นไป อีกส่วนหนึ่งเป็นข้าว แป้ง ควรเลือกชนิดไม่ขัดสี และส่วนสุดท้ายเป็นประเภทโปรตีน เน้นปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หรือการนับคาร์บ ซึ่งคำนวณปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ลดอาหารหวาน มัน เค็ม เช่น แป้ง หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง โซเดียมสูง กินอาหารครบหมู่ รวมทั้งผัก ผลไม้สด ดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
- หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-5 วัน วันละอย่างน้อย 30 นาที ให้ได้สัปดาห์ละ 150 นาที เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและอัตราการเผาผลาญพลังงาน เพิ่มการมีกิจกรรมทางกายด้วยการเคลื่อนไหวออกแรงทำกิจวัตรประจำวัน เช่น ทำงานบ้าน เดิน เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก และเสริมสร้างสุขภาพหัวใจและปอดให้แข็งแรง
- นอนหลับพักผ่อนวันละ 7-9 ชั่วโมง
- มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน แสดงความใส่ใจห่วงใย และส่งกำลังใจด้วยการสื่อสารที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้รูปแบบที่เหมาะสม กรณีที่อยู่ห่างไกลกัน สามารถโทรศัพท์หรือส่งข้อความหากันได้
- ฝึกสมาธิ เพื่อผ่อนคลายจิตใจ
อ้างอิง:
- กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข