ประเทศไทยจัดว่าเป็น 1 ใน 65 ประเทศที่ตั้งอยู่ในแถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีนจึงมีความสำคัญในการเชื่อมโยงกับแผนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมุทรอินโดจีน ด้วยปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ที่เอื้อประโยชน์ทางด้านการค้าข้ามพรมแดนนี้เองที่สร้างรายได้เข้าไทยมูลค่ามหาศาล
อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการค้าข้ามพรมแดนไทย-จีนโดยตรง ด้วยสายการบินต้องปรับลดเที่ยวบินโดยสารลง ทำให้กระทบต่อการส่งสินค้าทางเครื่องบิน แต่ว่าความต้องการนำเข้าผลไม้และอาหารทะเลของจีนจากอาเซียนยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังต้องแข่งกับเวลาขนส่ง เพื่อคงคุณภาพของสินค้า
เมื่อคำนึงถึงความสำคัญด้านภูมิศาสตร์ความต้องการสินค้าจากอาเซียนที่ยังเติบโต ประกอบกับศักยภาพการขนส่งสินค้าทางอากาศแบบเดิมลดลง ทั้งหมดนี้ทำให้ JD.com ยักษ์อีคอมเมิร์ซเบอร์ 2 ของแดนมังกร เล็งเห็นช่องว่างทางการตลาด เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา จึงได้เปิดให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำเพื่อการพาณิชย์ ระหว่างเซินเจิ้นและกรุงเทพฯ ขึ้นเป็นครั้งแรกในการขนส่งสินค้าระว่างจีนและไทยให้มีความรวดเร็วภายใน 48 ชั่วโมง
ไทยนับเป็นเส้นทางบินเหมาลำสายแรกของการขนส่งสินค้าระหว่างจีน-อาเซียน โดยปัจจัยที่เลือกประเทศไทยเป็นตลาดแห่งแรกในอาเซียนสะท้อนจาก ในช่วงเทศกาล 618 Grand Promotion ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-18 มิถุนายนที่ผ่านมา ภายใต้แพลตฟอร์มของ JD.com ที่มีฐานลูกค้ากว่า 500 ล้านราย และมียอดขายกว่า 1.68 ล้านล้านบาท พบว่าสินค้าไทยที่เข้าร่วมกว่า 200 แบรนด์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ที่น่าสนใจคือมียอดขายทุเรียนที่สูงกว่า 260,000 ลูก มียอดขายยาหม่องเติบโต 9,075% นอกจากนี้ยังพบว่าหมอนยางพารา หน้ากากอนามัย และรังนก มียอดขายที่สูงขึ้นเช่นกัน ดังนั้นกระแสความนิยมของสินค้าไทยในจีนมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเปิดตลาดขนส่งสินค้าทางอากาศแบบเช่าเหมาลำจากไทยสู่จีน
ก่อลาภ สุวัชรังกูร ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล เจดี คอมเมิร์ซ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2020 ธุรกิจการค้าข้ามพรมแดนของ JD Central เติบโตกว่า 200% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2019 ถือเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง ด้วยประสิทธิภาพโลจิสติกส์ของเครือข่าย JD Worldwide มีผลทำให้การนำเข้าและส่งออกสินค้าไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมจากจีนเป็นอันดับต้นๆ คือผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงมากในหมู่คนไทยที่ JD Central นำมาจำหน่ายบนแพลตฟอร์มคือ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านจากจีน
ทั้งนี้ JD ยังเปิดเผยข้อมูลปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภคของจีนในการเลือกซื้อสินค้าข้ามพรมแดนในปี 2021 เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทย โดยสิ่งที่ผู้บริโภคจีนคำนึงมากที่สุดคือ ต้องการสินค้าที่แท้จริง คุณภาพบริการหลังการขาย ราคาสินค้า ความเร็วของโลจิสติกส์ และชื่อเสียงของสินค้า
ขณะเดียวกัน JD ยังเปิดเผยข้อมูลภาพรวมของผู้บริโภคต่างประเทศที่มีศักยภาพในอนาคต โดยกลุ่มลูกค้าเพศหญิงยังคงครองตลาดอยู่ที่มากกว่า 55% จำนวนครั้งในการจับจ่ายคิดเป็นสองเท่าของผู้ชาย และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภควัย 25-35 ปี มากกว่า 60% อีกทั้งมีกำลังซื้อที่เข้มแข็ง และผู้บริโภคประมาณ 98% ได้รับการศึกษาระดับมัธยมปลายขึ้นไป
สำหรับ JD International Logistic อยู่ภายใต้สังกัดเครือ JD โดยให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระหว่างประเทศ ปัจจุบันดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าจากจีนไปยังทั่วโลกภายใน 48 ชั่วโมง เส้นทางการบินระหว่างประเทศครอบคลุมกว่า 220 ประเทศ ในปลายปี 2020 JD มีเครือข่ายคลังสินค้าทั้งในและต่างประเทศ 32 แห่ง รวมพื้นที่ประมาณ 440,000 ตารางเมตร โดยให้บริการขนส่งครอบคลุมทุกรูปแบบ ทั้งทางอากาศ ทางเรือ ทางรถไฟ และทางบก
เมื่อมองจากสถิติยอดขายแล้วพบว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซนำเข้าสินค้าข้ามพรมแดนของจีนถือว่าเติบโตอย่างก้าวกระโดดนับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นที่มีมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2013 เติบโตไปถึง 48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องไปสูงถึง 55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคจีนไม่สามารถเดินทางจับจ่ายสินค้าในต่างประเทศได้เหมือนก่อน
