ใครจะไปเชื่อว่าเด็กน้อยหน้าใสที่ถูกเพื่อนแกล้ง แถมยังทำให้เด็กผู้หญิงที่แอบชอบร้องไห้ ถามว่า “เจี๊ยบ ตัดยางเราทำไม” จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ชายสายเซอร์ รักสัตว์ เอ็นดูหลาน เป็นตัวของตัวเอง และมีทีเด็ดในการ ‘ขายของ’ ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ หรือชาลี ปอทเจส เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2536 แจ้งเกิดในวงการตั้งแต่ผลงานเรื่องแรกตั้งแต่อายุ 10 ปี ในบท เจี๊ยบ จากภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน (2546) ที่กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานสุดคลาสสิกของวงการภาพยนตร์ไทย
หลังจากนั้นแน็กก็กลายเป็นนักแสดงที่มีโอกาสได้รับบทนำอยู่หลายครั้ง ทั้งในภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ (2549), สุดสาคร (2549) ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น (2551), ห้าแพร่ง (2552), อาปัติ (2558) ฯลฯ ซึ่งส่วนมากเราจะเห็นเขาแค่ในจอภาพยนตร์ โดยให้เหตุผลว่าการออกกองละครส่วนมากใช้เวลาถ่ายทำนาน ทำให้เขาไม่มีเวลากลับไปดูแลบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในการดูแล
แน็กเป็นคนที่รักสัตว์มากๆ ถึงขนาดเคยเสียเงินจำนวนมากเพื่อไถ่ชีวิตชีวิตกุ้งจากบ่อตกเพื่อไปปล่อยในแม่น้ำ ทั้งยังดูแลและเป็นมิตรกับสัตว์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นงู ตุ๊กแก ตัวเงินตัวทอง ไปจนถึงขั้นเล่นกับแมลงสาบ และเอาจิ้งจกมาแปะไว้แทนคิ้ว!
ในช่วงหลังๆ แน็กไม่ค่อยได้รับงานแสดงมากนัก และค่อยๆ เงียบหายไปจากวงการบันเทิง แต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่กับหลานอาร์เธอร์และบรรดาสัตว์ที่อยู่รอบบ้าน
แต่อย่างที่หลายคนบอกไว้ว่าคนจะดังให้ทำอย่างไรก็หยุดไม่อยู่ เพราะแค่มีภาพแน็กนั่งทำหน้านิ่งๆ ไร้อารมณ์ร่วมเหมือนคนกำลังจะหลับตรงที่นั่งคนดูระหว่างถ่ายทำรายการ 10 Fight 10 รอบที่ แบงค์ ธิติ ปะทะกับเจ้าขุน จักรภัทร ที่บรรยากาศเป็นไปอย่างดุเดือด
ถ้าจำกันได้ หลังจบงานนั้นมีกระแสดราม่าบนเวทีเกิดขึ้นอย่างดุเดือด แต่ภาพ ‘หน้านิ่ง’ ของแน็กก็กลายเป็นไวรัลที่ทำให้ชื่อของเขากลับมาอยู่ในสปอตไลต์อีกครั้งในชั่วข้ามคืน
และทันทีที่คนสนใจเข้าไปติดตามชีวิตย้อนหลังที่เขาเคยโพสต์เอาไว้บนอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก @charlie potjes ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม หัวเราะ และหลงเสน่ห์ไปกับตัวตนที่ไม่เหมือนใครของแน็ก
ภาพและคลิปเก่าๆ ที่แน็กเคยลงเอาไว้ถูกแชร์ขึ้นมาอีกครั้งเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการพายเรือร้องเพลงเล่นกับหลาน, บุกบ้านตัวเงินตัวทอง ที่ถึงขนาดทำโทรศัพท์ตกน้ำจนไม่ได้ไฟล์ที่ถ่ายไว้มาเผยแพร่
หรือแม้กระทั่งเดินตกบันไดจนกลายเป็นกระแส ‘ของใหญ่’, คุยกับหมา, พายเรือร้องเพลงด้วยเสียง ‘สกูบี้-ดู’ (มีคนเข้าไปชมยูทูบมากกว่า 5.7 ล้านครั้ง) คนก็ยังเอ็นดูกับความตลกและน่ารักไปกับเขาได้ทั้งหมด
ไม่จบเพียงแค่นั้น มีสินค้าหลายแบรนด์ติดต่ออยากให้แน็กทำโฆษณาให้ และแน็กก็กลายเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนในวงการบันเทิงที่ไม่ใช่แค่ถ่ายรูป ก๊อบปี้แคปชันที่ลูกค้าส่งให้มาโพสต์แล้วจบ
แต่เขาคิดมุกตลกและลูกเล่นในการถ่ายทำทั้งหมดด้วยความตั้งใจ ของทุกชิ้นเขาจะต้องลองใช้ก่อนทั้งหมด (ซึ่งถ้ายอมรับงานทั้งหมดจะมีรายได้เข้ามามากกว่า 50 ล้านบาท) และจะไม่ยอมรับเงินก่อนที่เขาจะทำงานเสร็จโดยเด็ดขาด
เราจึงได้เห็นการโฆษณารูปแบบใหม่ ทั้งแปลงเป็นนางเงือกแล้วกินอาหารปลาจนเต็มปาก, ห่มสไบกินไก่ทอด, ใส่ชุดชุนหลี, ตีลังกาลงถังขยะ และอีกมากมายที่แน็กจะพาอาร์เธอร์มาร่วมสนุก สร้างงานที่ลูกค้าก็พอใจกับการรีวิวเหนือจินตนาการ และสร้างรอยยิ้มให้กับแฟนๆ ได้ไปพร้อมๆ กัน
ในช่วงที่กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง นอกจากความตลกที่เขามอบให้กับแฟนๆ เรายังได้เห็น ‘ทัศนคติ’ จากการโพสต์เฟซบุ๊กและการให้สัมภาษณ์อยู่บ่อยๆ จนเห็นว่าเขาคือคนที่รักสัตว์ รักครอบครัว ให้เกียรติทุกคนอยู่เสมอ
โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่แน็กประกาศว่าจะหยุดรับงานรีวิวสักพัก ก็เป็นเพราะเหตุผลด้านปัญหากับระบบอัลกอริทึมในเฟซบุ๊ก (เฟซบุ๊กของแน็กเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่ใช่ ‘เพจ’) ทำให้หลายๆ โพสต์ที่เกี่ยวกับการโฆษณาของเขาถูกปรับลดจำนวนการเข้าถึง ซึ่งเขาเกรงใจลูกค้าที่ติดต่อจ้างงาน เพราะกลัวว่าจะทำยอดให้เหมือนเดิมไม่ได้
แต่ยังยืนยันว่าจะอัปเดตเรื่องราว ไลฟ์สไตล์ รวมทั้งผลงานเพลงที่เป็นอีกหนึ่งความฝันของเขาให้ทุกคนได้ติดตามกันตามปกติ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่แน็กตัดสินใจแบบนั้น
เพราะสำหรับชีวิตที่แสนเคร่งเครียดของใครหลายคน ความตลกและน่ารักของแน็กกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้วจริงๆ