จากสาวสามัญชนสู่เจ้าหญิง คือเทพนิยายที่กลายเป็นจริงของ เกรซ เคลลี ดาราสาวเจ้าของใบหน้าสะสวยระดับตำนาน และผลงานบนจอภาพยนตร์อีกนับไม่ถ้วน โดยชีวิตของเธอต้องพลิกผัน เมื่อเจ้าชายเรนีเยร์ที่ 3 แห่งโมนาโก ขออภิเษกสมรสกับเธอเมื่อเดือนธันวาคม ปี 1955 ก่อนจะนำไปสู่งานแต่งงานที่ทุกสายตาทั่วโลกต่างจับจ้อง ถึงขนาดมีหลายเสียงกล่าวขานว่าเป็นงานแต่งงานแห่งศตวรรษ
เกรซพบกับเจ้าชายเรนีเยร์ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ปี 1955 หลังจากเป็นตัวแทนของประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เมืองคานส์ เธอก็ได้รับเชิญให้ไปร่วมถ่ายภาพที่วังโมนาโกของเจ้าชาย หลังจากผัดผ่อนหลายครั้ง แต่สุดท้ายเกรซก็เดินทางไปโมนาโก ที่ซึ่งเธอได้พบกับเจ้าชายครั้งแรก ทั้งสองสานสัมพันธ์เรื่อยมา จนในที่สุดเจ้าชายเรนีเยร์ก็ขออภิเษกกับเกรซ และมีพิธีแต่งงานแบบพลเรือน (Civil Ceremony) เมื่อวันที่ 18 เมษายน ปี 1956 ก่อนจัดพิธีทางศาสนาในอีกวันต่อมา ณ โบสถ์เซนต์นิโคลัส โดยมีแขกผู้ร่วมงานกว่า 700 คน รวมไปถึงคนดังอย่าง แครี แกรนต์, เดวิด นิเวน, กลอเรีย สวอนสัน, เอวา การ์ดเนอร์ และอีกมาย โดยงานอภิเษกนี้คาดว่ามีผู้รับชมทั่วโลกกว่า 30 ล้านคน
เจ้าหญิงเกรซและเจ้าชายเรนีเยร์ทรงมีพระโอรสและพระธิดาด้วยกันทั้งหมด 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าหญิงกาโรลีน, เจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 และเจ้าหญิงสเตฟานี มารี เอลิซาเบธ โดยหลังจากต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำประเทศ เจ้าหญิงเกรซก็ไม่ได้หวนคืนฮอลลีวูดอีกเลย แม้จะมีบทน่าสนใจในภาพยนตร์หลายเรื่องมาทูลเสนอพระองค์ เช่น Marnie ของ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก หรือ The Turning Point ของ เฮอร์เบิร์ต รอสส์ แต่เมื่อสาธารณะและพระสวามีไม่เห็นด้วย เจ้าหญิงจึงต้องปฏิเสธ
แม้จะมีชีวิตโลดเล่นในวงการไม่นาน แต่ เกรซ เคลลี ก็ได้ฝากผลงานคลาสสิกเอาไว้มากมาย ที่ทำให้เธอกลายเป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Mogambo (1953), High Noon (1952), High Society (1953), Rear Window (1954), To Catch a Thief (1955) หรือ The Country Girl (1954) ซึ่งทำให้เธอคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมาครองได้สำเร็จ
ภาพ: AFP