แม้ ฌอน เพนน์ จะไม่ใช่นักแสดงผู้โด่งดังเปรี้ยงปร้างระดับที่คนทั่วโลกต้องรู้จัก แต่หากมีการจัดลิสต์หรือจับกลุ่มพูดคุยในหัวข้อ ‘สุดยอดนักแสดงแห่งวงการฮอลลีวูด’ ชื่อของเขาต้องปรากฏขึ้น เพราะเขาคือหนึ่งในนักแสดงชายเจ้าบทบาทผู้ถูกคนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และนักดูหนังจำนวนไม่น้อยยอมรับว่ามีฝีมือฉกาจฉกรรจ์มากที่สุด
ฌอน เพนน์ เกิดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1960 ณ เมืองซานตาโมนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาเป็นลูกไม้ใต้ต้นของผู้กำกับผู้ล่วงลับ ลีโอ เพนน์ และนักแสดงหญิงรุ่นใหญ่ ไอลีน ไรอัน เพนน์ จบ ม.ปลาย จาก Santa Monica High School และเริ่มมีความหลงใหลด้านการแสดงตอนทำโปรเจกต์หนังสั้นกับเพื่อนวัยเด็ก
เพนน์ตัดสินใจไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย ก่อนย้ายไปอยู่นิวยอร์กตอนอายุ 19 ปี และเข้าร่วมแสดงในโรงละครเวทีเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งภายหลังได้ฝึกฝนทักษะรวมถึงเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่นานหลายปี เขาก็ได้รับโอกาสให้เล่นภาพยนตร์แนวดราม่าเรื่อง Taps (1981) อันเป็นผลงานแรก ตามด้วยหนังตลกวัยรุ่นวุ่นรัก Fast Times at Ridgemont High (1982)
หลังจากนั้นเพนน์ก็เริ่มโด่งดังมีชื่อเสียงและมีผลงานเด่นๆ ภายใต้บทบาทหลากหลายออกมาให้ชมอีกมากมาย ไล่ตั้งแต่บทวัยรุ่นสุดซ่าใน Bad Boys (1983), ทนายความแห่งแก๊งมาเฟียใน Carlito’s Way (1993), นักโทษประหารใน Dead Man Walking (1995), มือกีตาร์เพลงแจ๊สใน Sweet and Lowdon (1999), คุณพ่อปัญญานิ่มใน I Am Sam (2001) ฯลฯ
ไม่เพียงกับบทบาทการแสดงเท่านั้น แต่เพนน์ยังสร้างชื่อด้วยการผันตัวเป็นผู้กำกับจากเหตุผลสุดเรียบง่าย เพียงเพราะรู้สึกว่าตัวเองมีเรื่องราวที่อยากจะเล่าบ้าง เขาจึงถ่ายทอดมันออกมาผ่านภาพยนตร์อย่าง The Indian Runner (1991), The Crossing Guard (1995), The Pledge (2001), 11’09″01 September 11 (2002), Into the Wild (2007) และ The Last Face (2016)
ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นนักแสดงยอดฝีมือเจ้าของสองรางวัลออสการ์สาขา Best Actor จากภาพยนตร์เรื่อง Mystic River (2003) และ Milk (2008) แล้ว เพนน์ยังเป็นที่รู้จักในฐานะนักเคลื่อนไหวผู้คอยขับเคลื่อนประเด็นสำคัญทางสังคม เช่น เข้าร่วมอีเวนต์เรียกร้องให้ยุติสงครามในประเทศอิรัก, รณรงค์เรื่องความเท่าเทียมพร้อมเรียกร้องสิทธิ์ในการแต่งงานถูกกฎหมายให้ชาวเกย์ เป็นต้น
ภาพ: Kris Connor / Getty Images