กระแสวัยรุ่นนิยมสะสมอาร์ตทอยแบบ Blind Box หรือเรียกง่ายๆ ว่ากล่องสุ่ม ฮิตไปสู่ระดับโลกแล้ว จนทำให้ POP MART ผู้ผลิตของเล่นสัญชาติจีนสร้างยอดขายโตกระฉูด มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 368% ด้านนักวิเคราะห์ย้ำ บริษัทยังต้องพิสูจน์ให้นักลงทุนมั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน
หากย้อนไปมองจุดเริ่มต้นของร้าน POP MART เริ่มเปิดสาขาแรกในจีน และมีฐาน ลูกค้าเป็นกลุ่ม Gen Z เท่านั้น จากนั้นเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทพยายามเพิ่มฐานลูกค้าด้วยการขยายตลาดไปยังต่างประเทศทั้งเอเชียและยุโรป เช่น ปารีส มิลาน และนิวยอร์ก เรียกได้ว่าได้รับความสำเร็จไปทั่วโลก
ถึงแม้บริษัทจะขยายไปยังตลาดต่างประเทศ แต่ลูกค้าชาวจีนยังคงเป็นกลุ่มหลัก ที่ทำรายได้ให้กับ POP MART ถึง 70% และมีลูกค้าที่สมัครเป็นสมาชิก 39 ล้านคน มีการซื้อซ้ำกว่า 43.9% และแบรนด์ถูกติดแฮชแท็ก #POPMART ในโพสต์มากกว่า 667,000 โพสต์ และมีผู้ติดตามบัญชีทางการของบริษัทถึง 1.8 ล้านคน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
สัญญาณการเติบโตดังกล่าวนั้นกลายเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองว่า วงการของเล่นและธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วโลกจะสดใสมากน้อยแค่ไหน และยิ่งในช่วงที่มีคนดังเข้ามาสนใจก็จะทำให้สินค้าของ POP MART ได้รับความสนใจและมีราคาสูงขึ้นไปอีก
ยกตัวอย่างในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา วิดีโอของ Vanity Fair เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของลิซ่า หนึ่งในสมาชิกของวง BLACKPINK ที่พูดถึงความชอบและหลงใหลของเล่นจาก POP MART และไม่ว่าตัวเขาจะบินไปประเทศไหนก็จะตามหาซื้อ เพราะเหมือนกับการตามล่าหาสมบัติ และในขณะที่กำลังพูดนั้นลิซ่าก็แกะกล่อง Blind Box อาร์ตทอยจาก PUCKY Roly-Poly Kitty ไปพร้อมกัน
ไม่เว้นแม้แต่ร้าน POP MART ในอเมริกาและออสเตรเลียที่มีบรรดาแฟนๆ ยอมต่อแถวยาวเป็นชั่วโมงเพื่อซื้อสินค้าคอลเล็กชันใหม่ ส่งผลให้ยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley กล่าวว่า POP MART ก่อตั้งในปี 2010 เน้นผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านทรัพย์สินทางปัญญาของตัวเอง โดยบริษัทมีการใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างจากบริษัทใหญ่ๆ เช่น Disney โดยไม่เน้นนำเสนอเรื่องราวหรือ เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับตัวละคร แต่จะเพิ่มความน่าสนใจของตัวละครผ่านการเปิดตัวรุ่นใหม่ๆ และมีการร่วมมือกับศิลปินที่มีชื่อเสียง และยังได้รับสิทธิ์ในการใช้แบรนด์จาก Disney และ Universal Studios อีกด้วย
ที่สำคัญ POP MART จะเน้นขายอาร์ตทอยในกล่องสุ่ม Blind Box ลูกค้าจะไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะได้อาร์ตทอยตัวไหน และการออกแบบของอาร์ตทอยจะสามารถสะท้อนอารมณ์ของตัวละครได้ ทำให้สินค้ามีเสน่ห์ทางอารมณ์และดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะตัวละคร MOLLY สาวผมสั้นที่มีเอกลักษณ์ประจำตัวคือการทำปากยื่น บริษัทออกแบบตัวละครให้สามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้หลากหลายและสอดคล้องกับสถานที่สำคัญในแต่ละประเทศ เช่น SPACE MOLLY ซึ่งเป็นนักบินอวกาศที่กำลังเดินทางไปในจักรวาล
หรือ BABY MOLLY ที่แสดงให้เห็นเป็นเด็กทารกอายุ 3 ขวบ และ Mona Lisa ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ที่วางขายในสาขาพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่กรุงปารีส ตลอดจน LABUBU ซึ่งเป็นมอนสเตอร์ตัวเล็กที่มีหูแหลมและฟันเรียงกัน ก็เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน
สำหรับอาร์ตทอยของ POP MART ที่วางจำหน่ายในสาขาจะเริ่มจำหน่ายราคา 69 หยวน (ราว 324 บาท) ส่วนอาร์ตทอยขนาดใหญ่หรือรุ่นลิมิเต็ดเอดิชันจะมีราคาหลายพันหยวน และอาจถูกนำมาขายต่อบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในราคาที่สูงกว่าหน้าร้านหลายเท่า
เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้างแบรนด์ที่สามารถดึงดูดลูกค้าได้ทั่วโลก โดยเฉพาะการออกแบบผลิตภัณฑ์ผ่านทรัพย์สินทางปัญญา และไม่ได้จำหน่ายราคาถูกเหมือนที่หลายบริษัทในจีนทำเพื่อดึงลูกค้าในอดีต
Citigroup คาดการณ์ภาพรวมรายได้ POP MART ทั่วโลกของปี 2024 จะคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมในปี 2025 เพราะบริษัทจะทำรายได้โตมากขึ้น หลังจากมีการขยายธุรกิจไปยังทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป จนปัจจุบันสาขาอยู่ใน 23 ประเทศทั่วโลก
คริส กาว นักวิเคราะห์การวิจัยผู้บริโภคจาก CLSA ในฮ่องกงกล่าวว่า แม้ POP MART จะเติบโตได้ดี แต่ระยะเวลาการดำเนินงานของบริษัทยังไม่นานพอ และจากเดิมแล้วธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญามักจะมีการเติบโตและถดถอยตามวงจร และเมื่อบริษัททำกำไรได้สูงอีกไม่นานก็จะมีผู้เล่นเข้ามา จากนั้นจะมีการแข่งขันสูงขึ้น จึงเป็นเหตุให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้ในระยะยาว
แต่ปัจจุบันราคาหุ้นของ POP MART ปรับตัวขึ้น มีการซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า POP MART ยังเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหม่ และต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ว่าจะสามารถบริหารจัดการธุรกิจเพื่อรักษาเสถียรภาพการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ในปีนี้ POP MART ยังทำผลงานได้ดีกว่าคู่แข่งระดับโลกอย่าง Walt Disney และบริษัท Sanrio เจ้าของตัวละคร Hello Kitty อีกด้วย
อ้างอิง: