นักโบราณคดีในเมืองปอมเปอี ประเทศอิตาลี ขุดพบซากโครงกระดูกมนุษย์เพศชายที่ถูกหินขนาดมหึมาทับศีรษะจนเสียชีวิตในขณะพยายามหลบหนีภัยพิบัติภูเขาไฟระเบิดเมื่อปีคริสต์ศักราช 79 หรือเมื่อเกือบ 2,000 ปีก่อน ซึ่งถือเป็นหลักฐานอีกหนึ่งชิ้นที่ตอกย้ำถึงความโหดร้ายของภัยธรรมชาติที่กล้ำกรายชาวเมืองปอมเปอีแบบไม่ทันตั้งตัว
จากการสันนิษฐานเบื้องต้นของคณะนักวิจัยแห่งเขตโบราณสถานปอมเปอี เชื่อว่าเหยื่อภัยธรรมชาติคนนี้น่าจะรอดชีวิตจากการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟวิสุเวียสในช่วงแรก โดยเขาได้หลบเข้าไปในตรอกเพื่อหาที่กำบังขณะพยายามหลบหนีออกจากเมืองซึ่งถูกปกคลุมด้วยเถ้าถ่านและกำลังถูกกลืนกินโดยลาวา
จากการวิเคราะห์โครงกระดูกพบว่าขาข้างหนึ่งของชายผู้เคราะห์ร้ายคนนี้มีร่องรอยการติดเชื้อ ซึ่งอาจทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลง จากนั้นเขาโชคร้ายถูกหินที่พัดลอยมาโดยเถ้าถ่านกระแทกที่บริเวณทรวงอกและทับศีรษะจนขาด
ทีมนักวิจัยเปิดเผยว่าโครงกระดูกชายผู้นี้ถูกพบที่บริเวณชั้นแรกของอาคารหลังหนึ่ง ส่วนบล็อกหินที่ทับร่างท่อนบนอาจเป็นเสาข้างประตู ขณะที่กะโหลกศีรษะได้หลุดหายไปและยังหาไม่พบ
อย่างที่ทราบกันว่าเหตุการณ์ระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียสครั้งนั้นทำให้ชาวเมืองปอมเปอีล้มตายมากกว่า 1,000 คน แต่นักโบราณคดีเชื่อว่าเหยื่อส่วนใหญ่ไม่ได้เสียชีวิตจากลาวา แต่เสียชีวิตจากแก๊สพิษ สะเก็ด และหินหลอมเหลวที่พ่นออกมาจากภูเขาไฟ ก่อนที่พวกเขาจะถูกฝังกลบโดยเถ้าถ่าน
มัสซิโม โอซานนา หนึ่งในทีมนักโบราณคดีกล่าวว่า โครงกระดูกนี้เป็นการค้นพบที่วิเศษมาก แม้ว่าสิ่งที่ค้นพบจะสร้างความสะเทือนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นประโยชน์สำหรับนักโบราณคดีในการศึกษาวิธีการเอาชีวิตรอดของชาวเมืองปอมเปอีจากเหตุการณ์ภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิด
อ้างอิง: