ความรู้สึกที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของผู้เขียนหลังเดินออกมาจากงาน Polycat I Want You Concert คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของวง Polycat ในฐานะแฟนเพลงที่แทบไม่รู้จักเพลงอัลบั้ม 05:57 ชอบทุกเพลงในอัลบั้ม 80 Kisses ชอบเพลง อาวรณ์ และ ดูดี เอามากๆ ไม่กดสคิป ถ้าเพลย์ลิสต์สุ่มเพลงของ Polycat ขึ้นมา และเคยดูคอนเสิร์ตของวงแบบสดๆ หนึ่งครั้งถ้วน ซึ่งเป็นการยืนดูจากระยะไกลสุดในงาน Big Mountain 2017
เรารู้สึกว่าทางวงเปิดตัวแบบไม่หวือหวาเท่าไร ตอนเริ่มต้นด้วย จะเอาอะไร เป็นเพลงแรก (อาจเพราะไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อน) แต่สิ่งที่ดึงความสนใจจากเราไปได้มากๆ คือเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับด้านหน้า ที่เร่งเร้าบรรยากาศให้คึกคักได้ดียิ่งกว่าเสียงดนตรีในเพลงนั้นเสียอีก
แต่ทันทีที่อินโทรเพลง เพื่อนไม่จริง ดังขึ้นมา พร้อมกับเสียงตอบรับจากคนในธันเดอร์โดมที่ดังยิ่งขึ้นไปอีก ทุกๆ บรรยากาศและความรู้สึกที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงในคอนเสิร์ต ก็ตกอยู่ในมือของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อย
ระหว่างที่วง Polycat ร่ายมนต์สะกดสลับปลุกเร้าคนดูไปเรื่อยๆ เราคิดถึงคำสัมภาษณ์ก่อนเริ่มคอนเสิร์ตที่พวกเขาพูดเอาไว้สั้นๆ ว่า “เล่นทุกเพลงที่มี ใส่ทุกอย่างที่มี” และรู้สึกว่าพวกเขาได้ทำอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ ซึ่งเราขอรับความตั้งใจด้วยหัวใจ และขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่คอยเอาใจช่วยให้พวกเขามีโอกาสได้ทำแบบนี้ต่อไปในอนาคต
ถ้ามองเฉพาะที่การโชว์เพลงของวง การแสดงของทุกคนในวงเรียกได้ว่าเข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบที่สุด อย่างที่หลายคนบอกว่างานด้านวิชวล แสง สีเสียง ใน Polycat I Want You ก็ทำได้ดีมากๆ ซึ่งเราขอชื่นชมทีมงานทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมตรงนี้ แต่ก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เพราะเรามัวแต่โฟกัสกับเพอร์ฟอร์แมนซ์ของพวกเขาจนไม่ทันได้สังเกตปัจจัยอื่นๆ เท่าที่ควร
ถึงแม้จะมีช่วงที่เรารู้สึกว่ากราฟบรรยากาศในคอนเสิร์ตดรอปลงไปบ้าง จากท่าทีเขินอาย พูดไม่ตรงจังหวะ (ที่แฟนคลับอาจจะมองว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของพวกเขาก็ได้) ทุกครั้งที่เข้าช่วงพูดคุย และเข้าโชว์เดี่ยวของสมาชิกแต่ละคน แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องดี
เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่า Polycat จะแสดงศักยภาพได้สูงสุดด้วยเสียงดนตรีของพวกเขาทั้ง 3 คน (รวมทั้งสมาชิกแบ็กอัพทุกคน) ไม่ใช่ตัวตนของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่วงดนตรีวงหนึ่งควรจะเป็น
การพูดไม่เก่งของพวกเขา ก็ทำให้ตอนที่สมาชิกเก่าอย่างภูผาและดอยขึ้นมาแจมเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ที่เราค่อนข้างประทับใจ เพราะแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงมากขนาดไหน พวกเขาก็ยังเป็นนักดนตรีที่พูดไม่เก่ง และถนัดในการแสดงความรู้สึกผ่านตัวโน้ตมากกว่าคำพูดเหมือนเดิม
อีกสิ่งหนึ่งรู้สึกว่า Polycat ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างแข็งแรง คือการเป็นตัวแทนของคน ‘ขี้แพ้และแอบรัก’ ก่อนเริ่มคอนเสิร์ตเราได้ยินแฟนคลับคนหนึ่งพูดกับเพื่อนว่า “วันนี้กูเศร้า กูจะมาระบายให้เต็มที่”
ไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลาเขาจะไปยืนอยู่ตรงไหนในงานคอนเสิร์ต แต่เราเชื่อว่าเขาจะได้ปลดปล่อยและระบายความรู้สึกทั้งหมดได้อย่างที่ต้องการ ไปพร้อมๆ กับทุกคนในงานวันนั้น
เราไม่อาจรู้ได้จริงๆ ว่าวง Polycat มองจุดสูงสุดและอนาคตบนเส้นทางดนตรีของตัวเองเอาไว้ขนาดไหน แต่ถ้าดูจากทะเลคน ทะเลมือ ทะเลดาว ทะเลกล้อง ทะเลป้ายไฟ ที่ทุกคนพร้อมใจให้ความร่วมมือและทำตามกันอย่างพร้อมเพรียง
ก็พอจะบอกได้ว่ากลุ่มเด็กช่างฝันจากเชียงใหม่ที่ทำอะไรตามใจตัวเอง ได้มา ‘ไกล’ เกินกว่าที่หลายคน รวมทั้งตัวพวกเขาจะเคยจินตนาการถึงเอาไว้มากๆ
โดยเฉพาะการทำให้คนในธันเดอร์โดมตะโกน “ที่สุดเลยเว้ยแก” ที่ก่อนหน้านี้เรานึกไม่ออกจริงๆ ว่าคำนี้จะกลายมาเป็นหนึ่งในวลีที่ฮิตที่สุดในวงการเพลงได้อย่างไร แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะตะโกนคำนี้ออกมาซ้ำๆ อย่างไม่รู้จักเบื่อ
ที่เราคิดว่าเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่พอจะได้บอกว่า พวกเขาได้เดินทางมาถึง ‘จุดสูงสุด’ จุดหนึ่งเท่าที่วงดนตรีวงหนึ่งพอจะทำได้สำเร็จ
ซึ่งแน่นอนว่า พวกเขาจะยังเดินทางไปยังจุดที่สูงยิ่งขึ้นต่อไปอย่างไม่หยุด ในฐานะวงดนตรีที่สร้างสรรค์ผลงานเพลง และคอนเสิร์ตที่เราอยากตะโกนส่งเสียงกลับไปหาพวกเขาให้ดังๆ อีกครั้งว่า
“มัน…ดูดีที่สุดเลยเว้ยแก”
และถึงแม้พวกเขาจะบอกเอาไว้ในเพลง พบกันใหม่ ว่า “ด้วยคำที่บอกว่าเราจะมาพบกันใหม่ มักจะไม่พบกันอีก”
แต่ในฐานะคนที่ยังไม่ ‘จบกันไป’ ก็ขอบอกเอาไว้ตรงนี้ว่า เราจะได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน
ภาพ: เอกพงศ์ ตันติผลประเสริฐ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์