วันนี้ (11 ต.ค.) พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีการรับเงินบริจาคของพรรคการเมืองว่าการคลายล็อกตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2561 เป็นการคลายล็อก 6 ข้อ
แต่ประกาศ คสช. ที่ 57/2557 ก็ยังมีผลอยู่ ดังนั้นการดำเนินการอย่างอื่นที่นอกเหนือจากการคลายล็อก 6 ข้อจะต้องมีการขออนุญาตจาก คสช. ซึ่งรวมถึงกรณีการรับเงินบริจาคหรือระดมทุนก็ต้องขออนุญาต แต่ยืนยันว่าไม่ได้ห้าม
หลังจากนี้ กกต. จะมีการออกหนังสือเวียนแจ้งให้พรรคการเมืองต่างๆ ทราบอีกครั้งว่าหากพรรคจะดำเนินกิจการทางการเมือง นอกเหนือจากการคลายล็อกทั้ง 6 ข้อแล้วจะต้องขออนุญาต คสช. ก่อน
ขณะที่ นางสาวพรรณิการ์ วานิช ว่าที่โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ กกต. บอกให้เราขออนุญาต คสช. เพื่อรับบริจาค ทางพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าเราจะทำหนังสือถามไปยัง กกต. เพื่อให้ออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรว่า กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองและเป็นองค์กรอิสระที่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรมจะมีมติอย่างไรเกี่ยวกับการรับบริจาคเงินของพรรคการเมืองในช่วงเวลาไม่ถึง 5 เดือนก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคต้องใช้เงินจำนวนมากในการทำกิจกรรม
เราต้องการทำให้เกิดบรรทัดฐานที่ชัดเจนถึงการตัดสินใจเรื่องนี้ เช่นเดียวกับกฎเกณฑ์อื่นๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมืองที่ต้องเป็นอำนาจของ กกต. ไม่ใช่ คสช. โดยเฉพาะเมื่อบุคคลในรัฐบาล คสช. กำลังจะลงสู่สนามเลือกตั้งและมีส่วนได้ส่วนเสียจากกฎเกณฑ์เหล่านี้ด้วย
ด้าน นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ว่าที่เลขาธิการพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นหนึ่งในแกนนำก่อตั้ง กล่าวถึงกรณีเทียบเคียง กกต. ห้ามพรรคอนาคตใหม่เรี่ยไรเงินกับพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่เดินสายขอเงินวันละ 1 บาทนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากพรรคกำหนดค่าสมัครสมาชิก 365 บาทต่อปี ซึ่งเปรียบเป็นการเก็บเงินวันละ 1 บาท
ดังนั้นการเปรียบเทียบกับพรรคอนาคตใหม่อาจทำให้เข้าใจผิด เพราะค่าบำรุงพรรคเป็นเงินที่สมาชิกจ่ายตามกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเงินบริจาคตามกฎหมายพรรคการเมืองก็มีการแยกแยะไว้ ซึ่งต้องมีการจัดทำบัญชีแสดงจำนวนเงินอย่างเด่นชัด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
