วันนี้ (7 สิงหาคม) พล.ต.ท. จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานกรรมการสอบสวนชุดตำรวจคดีของ วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส เปิดเผยว่าในวันอังคารที่ 11 สิงหาคมนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะประมวลสรุปผลการตรวจสอบเสนอต่อ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาสั่งการ รวมทั้งกำหนดวันแถลงข่าวชี้แจงต่อประชาชนถึงข้อเคลือบแคลงสงสัยตามกรอบที่กรรมการได้วางแนวทางในการสอบสวนไว้ โดยเฉพาะประเด็นสาเหตุการสั่งไม่แย้งคำสั่งอัยการในคดีนี้
มีรายงานว่าการประชุมวันนี้เป็นการประชุมของคณะกรรมการชุดย่อย เนื่องจาก ประธานและรองประธานติดภารกิจ โดยที่ประชุมได้เรียก พล.ต.ท. วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พล.ต.ท. ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทีมงานกองพิสูจน์หลักฐานเข้าให้ข้อมูลในประเด็นเกี่ยวกับความเร็ว
โดยประเด็นที่คณะกรรมการสอบถาม คือวิธีการตรวจวัดความเร็วของรถยนต์เพื่อนำข้อมูลมาวินิจฉัยว่าความน่าเชื่อถือของ 2 สำนัก ระหว่าง ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม หัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ สถาบันฯ พระจอมเกล้านครเหนือ เพื่อพิจารณาความน่าเชื่อถือของข้อมูล หากน่าเชื่อถือทั้ง 2 สถาบัน คณะกรรมการสอบสวนอาจทำความเห็นเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้หาหน่วยงานกลางมาตรวจพิสูจน์เพิ่ม ซึ่งประเด็นความเร็วรถของบอสขณะนี้ยังไม่เป็นที่ยุติ
ส่วนการเข้าพบพนักงานสอบสวนของ พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เมื่อวานนี้ซึ่งถูกสอบสวนต่อเนื่อง 2 วัน ปรากฏว่า พ.ต.อ. ธนสิทธิ์ ได้กลับข้อมูลใหม่ ระบุว่าความเร็วรถเฟอร์รารีขณะเกิดเหตุ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมือนกับในสำนวนครั้งแรก
ส่วนที่มาให้การภายหลังเมื่อปี 2559 ระบุความเร็วลดลงเหลือ 79.23 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอ้างกับคณะกรรมการสอบสวนว่าสับสนในการคำนวณข้อมูล
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า จากการสอบปากคำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้รับการยืนยันตรงกันว่า สารโคเคนที่พบในเลือดของบอส วรยุทธ เกิดจากการเสพโคเคนและแอลกอฮอล์ คณะกรรมการจึงจะเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาตั้งข้อหาเสพโคเคนเพิ่มเป็นข้อหาใหม่
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์