วันนี้ (21 กันยายน) พล.ต.ท. ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการเตรียมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมที่จัดขึ้นบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง ระหว่างวันที่ 19-20 กันยายนที่ผ่านมา หลังพบว่ามีแกนนำประมาณ 3-4 คนเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งจะแยกเป็นการกระทำผิดของแต่ละบุคคล ทั้งการบุกรุกเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การใช้พื้นที่สนามหลวง และการพบเอกสารที่มีข้อความไม่เหมาะสม รวมทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังของกลุ่มผู้ชุมนุมนี้ด้วย หากถูกดำเนินคดีก็จะมีความผิดเท่ากัน
โดยขณะนี้ทางตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งจะดำเนินคดีทุกข้อกล่าวหา โดยเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะที่ไม่แจ้งจัดการชุมนุม และทุกข้อกฎหมายที่พบว่ามีความผิด ประกอบกับการแจ้งความร้องทุกข์ของผู้ที่มาแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามในวันนี้
ส่วนการปราศรัยบนเวทีของแกนนำจะเข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 หมิ่นสถาบันเบื้องสูงหรือไม่นั้น พล.ต.ท. ปิยะ กล่าวว่าหากพบว่ามีบุคคลร้องทุกข์และพบพยานหลักฐานว่ามีกระทำความผิดก็จะดำเนินคดีในทุกมาตรา แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีบุคคลใดมีความผิดนี้หรือไม่ ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่วมตรวจสอบดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดแล้ว
ส่วนหนังสือที่ผู้ชุมนุมยื่นข้อเรียกร้องผ่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขณะนี้ได้ส่งมาให้ฝ่ายกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบแล้วว่ามีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง และเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดก็จะส่งมอบไปให้ตามขั้นตอน และหากพบว่ามีข้อความที่ผิดกฎหมายก็จะถูกดำเนินคดีเช่นกัน
ส่วนการนัดรวมตัวชุมนุมกันในครั้งต่อไป ตำรวจยังยืนยันว่าขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตามกฎหมาย และให้แจ้งการชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ก่อน เพื่อที่จะได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไปที่จำเป็นต้องผ่านเส้นทางการจราจร และดูแลความปลอดภัย ป้องกันภัยแทรกซ้อนของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งการชุมนุมต่างๆ สามารถกระทำได้ตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
“ส่วนการชุมนุมที่มีเจตนาแอบแฝงในเรื่องอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่กระทบกับความรู้สึกของคนไทยโดยส่วนใหญ่ ตรงนี้เจ้าหน้าที่ยอมไม่ได้ เราต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด เพราะขณะนี้ประเทศไทยเราอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นที่ชื่นชมของทุกฝ่ายในการที่รัฐบาลเองและผู้เกี่ยวข้องได้ดูแลในเรื่องสาธารณสุขอย่างเต็มที่ เรากำลังเดินหน้าสู่กระบวนการที่หลายประเทศในโลกนี้เปิดประตูต้อนรับให้คนไทยไปได้” พล.ต.ท. ปิยะ กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีหมุดคณะราษฎรหมุดที่ 2 ที่หายไปจากจุดที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ฝังเอาไว้ โดยระบุว่าไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้รื้อถอนหมุดดังกล่าวออก แต่หมุดนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในพยานหลักฐาน และเป็นของกลางที่พนักงานสอบสวนจะต้องเก็บรักษาไว้ในการดำเนินคดีอาญากับกลุ่มผู้ชุมนุม
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์