วันนี้ (26 สิงหาคม) พล.ต. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวถึงกรณีที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง การช่วยราชการของ ส.ต.ท.หญิง ที่ทำร้ายร่างกายทหารหญิงว่า คณะกรรมการได้สอบในเบื้องต้นเสร็จสิ้นแล้ว โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่ามีการกระทำผิดต่อหลักเกณฑ์ควบคุมการปฏิบัติของกำลังพล ซึ่งข้อมูลก็เป็นไปตามสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนการมาช่วยราชการ พบว่าเข้ามาบรรจุเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ทั้งนี้ ได้นำข้อมูลทั้งหมดรายงานขึ้นไปที่ กอ.รมน. และได้ส่งตัวกลับต้นสังกัดเพื่อสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนไปแล้วตามที่เป็นข่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของการคัดเลือกบุคลากรเพื่อมาบรรจุหรือช่วยราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานในพื้นที่หรือไม่ พล.ต. ปราโมทย์กล่าวว่ามี 2 ลักษณะ ถ้าเป็นบุคคลในกองทัพ อำนาจอยู่ที่กองทัพ แต่จากส่วนงานอื่น คำสั่งแต่งตั้งทั้งหมดอยู่ที่ กอ.รมน. ใหญ่ เมื่อมีการระบุอัตราออกมา ทาง กอ.รมน. ใหญ่จะเป็นส่วนที่เซ็นอนุมัติ
ส่วนเรื่องที่มองว่ามีการฝากเด็กลงไปหวังเงินเพิ่มพิเศษสำหรับการสู้รบ (พ.ส.ร.) และหวังทวีคูณนั้น พล.ต. ปราโมทย์กล่าวว่า สิทธิอยู่ที่หน่วยต้นสังกัดเป็นคนทำเรื่องขอ ต้องมีการรับรองคุณสมบัติ ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าคุณสมบัติไม่ได้ ก็ไม่ได้สิทธิ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้สิทธินั้น
เหมือนเช่นบุคคลที่ปรากฏในข่าว ถ้าตรวจสอบและพฤติกรรมเป็นไปตามที่เป็นข่าวก็ไม่ได้สิทธิเหล่านี้ ในปัจจุบันกรอบอัตราที่ทำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีทั้งตำรวจ พลเรือน ทหารแต่ละส่วนแบ่งหน้าที่กันทำ มีทั้งส่วนกองกำลังที่เป็น ฉก. ซึ่งปฏิบัติการในพื้นที่ หากส่วนงานอื่นขาดแคลนกำลังพล ก็จะเสนอมาว่าขาดแคลนตรงนี้เพื่อขออนุมัติอัตรา แต่การหาตัวบุคคลมาเป็นเรื่องของหน่วยนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าต้องยึดเบี้ยเลี้ยงวันละ 240 บาทคืนหรือไม่ พล.ต. ปราโมทย์กล่าวว่า ก็ต้องพิจารณาในขั้นตอนต่อไป