วันนี้ (1 ตุลาคม) เวลา 16.40 น. ตำรวจทางหลวงนำขบวนรถกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุรถบัสโรงเรียนเกิดเพลิงไหม้ ด้วยรถกู้ภัย 4 คัน คันละ 2 ราย มาถึงสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อพิสูจน์ทราบเอกลักษณ์บุคคลแล้ว โดยจะเคลื่อนย้ายร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 23 ราย ครั้งละ 4 คัน จำนวน 4 ครั้ง เมื่อมาถึงทางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจได้ติดสายรัดข้อมือระบุหมายเลข จากนั้นได้เคลื่อนย้ายเข้าห้องเพื่อรอการชันสูตรในวันพรุ่งนี้
พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ลงพื้นที่โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมเปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมมีหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลเยียวยาให้กับครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต โดยผู้เสียชีวิตจะได้รับการเยียวยารายละ 200,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บได้รับค่ารักษาพยาบาลครั้งละ 40,000 บาท
ขณะที่ พล.ต.ต. วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยว่า สถาบันนิติเวชวิทยาได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า จังหวัดปทุมธานี ว่า ขณะนี้สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาได้แล้ว 5 ราย แต่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ เนื่องจากสภาพศพถูกไฟไหม้เกรียม ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างทยอยค้นหาเพื่อนำร่างออกจากรถคันดังกล่าว ซึ่งยังไม่สามารถสรุปจำนวนที่ชัดเจนได้ โดยร่างที่นำออกจากรถได้แล้วก็จะทยอยนำส่งมาที่สถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล
ส่วนการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานต่างๆ ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากต้องรอให้พนักงานสอบสวนเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุก่อน โดยเฉพาะต้องนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาให้ได้ก่อน จากนั้นพิสูจน์หลักฐานจะเข้าไปตรวจสภาพรถและการติดตั้งระบบเชื้อเพลิง เพื่อนำมาประกอบการหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ด้าน พล.ต.ต. สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการผ่าพิสูจน์เบื้องต้น ทราบว่าสภาพศพถูกไฟไหม้เกรียม ทำให้ตรวจพิสูจน์ได้ยาก ทางทีมแพทย์จึงเน้นไปที่การตรวจเลือด เนื้อเยื่อ และกระดูก เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สามารถเก็บ DNA เพื่อตรวจเทียบเคียงกับญาติ โดยตัวอย่าง DNA ที่เก็บจากเลือดจะทราบผลได้ภายใน 1 วัน แต่หากเป็นเนื้อเยื่อจะทราบภายใน 3 วัน ส่วนกระดูกจะทราบใน 7 วัน ดังนั้นญาติที่จะมาเก็บ DNA ขอให้เป็นญาติสายตรง เช่น พ่อแม่ หรือพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เพื่อความรวดเร็วในการตรวจพิสูจน์
นอกจากนี้ทางสถาบันนิติเวชวิทยาได้ประสานกระทรวงสาธารณสุขนำทีมสหวิชาชีพที่ให้การช่วยเหลือทางด้านจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต หรือ MCATT มาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการ เพื่อพูดคุยเยียวยาจิตใจกับผู้ปกครองหรือญาติที่มาติดตามความคืบหน้า โดยจัดห้องประชุมชั้น 3 ไว้รองรับ พร้อมย้ำว่าสถาบันนิติเวชวิทยามีความพร้อมทั้งอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือและทีมแพทย์ในกรณีเกิดเหตุสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้