วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) จากกรณีที่ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้เชิญตัว หยูซินฉี ประธานสมาคมมณฑลส่านซีแห่งประเทศไทย เพื่อสอบถามข้อมูลหลังที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ และ รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล เปิดเผยเรื่องราว ระบุว่า หยูซินฉีพัวพันกับการจัดตั้งสมาคมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงและบุคคลสำคัญระดับประเทศในการแสวงหาผลประโยชน์
ด้าน พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวว่า การนำตัวหยูซินฉีมาครั้งนี้เป็นการควบคุมตัวตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คนเข้าเมืองฯ หลังพบพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในเรื่องการตั้งสมาคมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือสมาคมเถื่อน
ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเพิกถอนวีซ่าหรือใบอนุญาตพำนักในราชอาณาจักร ซึ่งหยูซินฉีถือวีซ่าประเภทผู้เกษียณพำนักในราชอาณาจักรได้ 2 ปีแล้ว และขออยู่ต่อตามหลักเกณฑ์ของ สตม. ทุกประการ โดยไปขออยู่ต่อที่จังหวัดชลบุรีอีก 1 ปี
พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ กล่าวต่อไปว่า ยังไม่ได้ดำเนินการตั้งข้อหาหรือออกหมายจับหยูซินฉีแต่อย่างใด ซึ่งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะดำเนินการกักกันตามกฎหมายคนเข้าเมืองที่ สตม.สวนพลู ในคืนนี้
ขณะนี้อยู่ในระหว่างการขอข้อมูลจากหยูซินฉี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ คาดว่าภายในวันพรุ่งนี้จะสามารถขออนุมัติศาลออกหมายค้นบ้านและสมาคมของหยูซินฉีเพิ่มเติม แต่จากการเข้าตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า หยูซินฉีเข้ามาเปิดสมาคมอยู่ในประเทศไทย และมีป้ายภาษาจีนแปลตามชื่อสมาคมที่ปรากฏเป็นข่าว
โดยที่ตั้งของสมาคมอยู่คนละจุดกับบ้านพักที่ตำรวจไปพบตัว ทั้งนี้ ระหว่างการควบคุมตัวเมื่อ 12.00 น. ที่ผ่านมา หยูซินฉีได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและไม่ได้มีท่าทีตื่นตระหนกตกใจแต่อย่างใด
พล.ต.ท. ภาคภูมิภิภัทฒ์ กล่าวอีกว่า ความเกี่ยวข้องในเรื่องยาเสพติด ฟอกเงิน การกระทำความผิดกฎหมายเพิ่มเติม การเป็นตัวกลางที่นำคนจีนเข้ามาในประเทศไทย และตัวบุคคลผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ จะดำเนินการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมต่อไป
ส่วนกำหนดระยะเวลาการผลักดันออกนอกราชอาณาจักร ต้องขึ้นกับระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งยังไม่สามารถตอบได้ว่าภายในเมื่อไร ระหว่างนี้อยู่ในระหว่างการสอบถามข้อมูล