วันนี้ (20 ตุลาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีดาบตำรวจ สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ขโมยปืนออกไปขายกว่า 100 กระบอก ว่าขณะนี้สามารถจับกุมตัวได้แล้วในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เตรียมส่งกำลังบินด่วนไปรับตัวกลับมาดำเนินคดี
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับแจ้งเหตุในช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังทราบเรื่อง ได้สั่งการไปยัง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท. จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) เร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ ขณะนี้ล่าสุดสามารถจับกุมตัว ด.ต. เชาวลิต พุ่มขจร อายุ 42 ปี ได้แล้ว ที่จังหวัดหนองคาย
“ด.ต. เชาวลิต เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ ซึ่งทำหน้าที่งานพัสดุ มีหน้าที่รับผิดชอบในการเบิกจ่ายพัสดุ รวมถึงอาวุธของ สภ.ปากเกร็ด เท่าที่ทราบ มีการจัดทำเอกสารเท็จ ว่ามีการเบิกอาวุธปืนให้กับกำลังพลใน สภ.ปากเกร็ด ทำให้ผู้บังคับบัญชา ตรวจสอบไม่พบว่าอาวุธปืนมีการถูกลักเอาไป” พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าว
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ได้สั่งให้ พ.ต.อ. พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผู้กำกับ สภ.ปากเกร็ด มาช่วยราชการประจำศูนย์ปฏิบัติการ ภาค 1 (ศปก.ภาค 1) เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนอาวุธปืนที่หายไปนั้น ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เร่งระดมสืบหาเอากลับมาคืนให้ได้มากที่สุด และขอเตือนไปยังผู้ที่รับจำนำหรือรับซื้อไว้ ว่าอาวุธปืนที่รับไปเป็นของทางราชการ หากท่านมีไว้ในครอบครองก็จะมีความผิด ขอให้นำมาคืนให้กับทาง สภ.ปากเกร็ด โดยเร็ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย สามารถจับกุมตัว ด.ต. เชาวลิต ได้เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่จังหวัดหนองคาย โดยที่ พล.ต.ท. จิรพัฒน์กำลังส่งทีมงานไปรับตัวกลับมาดำเนินคดี ในข้อหา ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ มาตรา 335 (8) ป.อาญา มีโทษจำคุกหนักถึง 5 ปี
ด้าน พล.ต.ท. จิรพัฒน์ยอมรับว่า สภ.ปากเกร็ด มีความหละหลวมบกพร่อง ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุ ถือกุญแจคลังอาวุธตั้งแต่ปี 2547 รวมระยะเวลา 18 ปี ซึ่งต้องมีการรายงานจำนวนอาวุธในคลังให้ผู้บังคับบัญชาทราบทุกวันที่ 5 ของเดือน ครั้งล่าสุดมีการรายงานปกติ แต่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ได้ตรวจพบว่ามีอาวุธหายไป
จนสืบทราบในเวลาต่อมาว่า เป็น ด.ต.ชวลิต ทยอยนำออกไปจำนำให้กับคนภายนอกหลายคน รายละ 3-5 กระบอก และนำเงินที่ได้ไปใช้จ่าย ซึ่งปืนส่วนใหญ่ที่นำออกไปเป็นปืนประจำกายลูกโม่ ซิกซาวเออร์ กล็อก ซึ่งเป็นปืนล็อตใหม่ที่ได้รับมาตั้งแต่ปี 2564 ส่วนจะมีปืนยาวด้วยหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ยังไม่ทราบว่า ด.ต. ชวลิตมีปัญหาการเงินหรือไม่ แต่ทราบว่ายังโสด
ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังนำตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำที่ศูนย์สืบตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งจะสอบถามรายละเอียดและเหตุจูงใจ และหลังจากนี้ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 1 จะเพิ่มมาตรการเปิดคลังอาวุธให้เข้มงวดขึ้น โดยจะต้องมีผู้ถือกุญแจ 2 คน และเปิดครั้งละ 2 ดอกเหมือนกันกับระบบตู้เซฟของธนาคาร
